เขมรเจ้าเล่ห์จริงๆ “สมเด็จฮุน เซน” รับเป็นคนอัดคลิปเสียงคุยกับนายกฯไทย อ้างอัดไว้ตามธรรมเนียม เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดและการแปลภาษาไม่ถูกต้อง ทั้งต้องการสร้างความโปร่งใสของฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เผยเป็นคนปล่อยคลิปเองโดยส่งต่อให้ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรี และคนในวงการเมืองกัมพูชาอีก 80 คน เย้ยฝ่าย ไทยคลิปเสียงที่หลุดไปแค่ 9 นาที หากอยากได้คลิปเต็มที่ยาว 17 นาที 6 วินาที พร้อมจัดให้ ด้านนายกฯอิ๊งค์แถลงยอมรับคลิปหลุดเป็นเสียงตัวเองจริง ที่คุยอย่างใจเย็นเพื่อให้เกิดสันติภาพเพราะสมเด็จ ฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาค 2 ซัดคุณลุงฮุน เซน ทำเพื่อคะแนนนิยมตัวเอง ลั่นไม่ขอคุยส่วนตัวอีกต่อไป เผยยกหูหาแม่ทัพภาค 2 เคลียร์ใจแจงเหตุที่พูดถึง ด้านแม่ทัพภาค 2 ไม่ติดใจนายกฯพาดพิง บอก “ผมเข้าใจ” ส่วนสถานการณ์ชายแดนด่าน ตม.ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เงียบเหงาไร้คนข้ามแดนหลังเจอคำสั่งเข้มกองกำลังบูรพา ขณะที่กัมพูชาระดมประชาชนรวมพลังแสดงความเป็นเอกภาพ อ้างถูกคุกคามและหยามเกียรติ เดือดกันทั้งประเทศ หลังมีการปล่อยคลิปเสียงการสนทนาระหว่างผู้นำ 2 ชาติ ไทย-กัมพูชา ความยาวประมาณ 9 นาที เจรจาเรื่องการเปิดด่าน ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 มิ.ย. จนกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล และมีการวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีของไทยอย่างหนัก ขณะที่สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมายอมรับว่าเป็นคนอัดคลิปเสียงและปล่อยคลิปเสียงดังกล่าวเองเผยบทสนทนาผ่านล่ามกัมพูชาสำหรับคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ที่หลุดออกมา หลังจากมีการโทรศัพท์ข้ามแดนพูดคุยกันเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. มีความยาวประมาณ 9 นาที ในคลิปพบว่า ผู้เริ่มสนทนา คือ น.ส.แพทองธาร ที่กล่าวทักทาย สมเด็จฮุน เซน ว่า เป็นอย่างไรบ้างคะ สุขภาพดีหรือเปล่า โดยเป็นการสนทนาผ่านล่ามชาวกัมพูชา ช่วงแรกการพูดคุย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทั้งตนเองและสมเด็จฮุน เซน ต่างอยากให้ประเทศสงบสุข ไม่อยากให้สมเด็จฮุน เซน ฟังแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย เพราะเป็นคนของฝั่งตรงข้าม ไม่อยากให้รู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ ทางนั้นเขาอยากจะพูดเอาเท่ จริงๆเราต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดน ขอให้คุณลุงเห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศไทยไล่มาเป็นนายกฯ เขมรหมดแล้ว ถ้าอยากได้อะไร ให้บอกมาเดี๋ยวจะจัดการให้ค่ะ“ฮุน เซน” ร้องขอเปิดด่านจากนั้นสมเด็จฮุน เซน ได้ตอบกลับเป็นภาษากัมพูชาผ่านการแปลของล่ามว่า อยากให้ชายแดนเปิดปกติเหมือนก่อนเกิดเหตุ การปิดชายแดนเกิดจากฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อน หากฝ่ายไทยถอนคำสั่ง กัมพูชาก็พร้อมจะปฏิบัติตามในการเปิดชายแดนตามปกติ ส่วนปัญหาที่ช่องบกเราพยายามตามที่ฝ่ายไทยต้องการ เราถอยแล้ว ถอนแล้ว ปรับกำลังแล้ว แต่ฝั่งไทยยังเอาเรื่องด่านมากดดันอีก น.ส.แพทองธารจึงกล่าวขอโทษสมเด็จฮุน เซน ที่เข้าใจว่าฝั่งไทยจะตัดน้ำตัดไฟ ที่จริงเป็นแค่การอธิบายขั้นตอนให้ฟังว่า หากเกิดเหตุการณ์ต่อไปแล้ว ไทยจะทำอย่างไรบ้างและกล่าวว่าถ้าจะให้โอเคทั้งสองฝ่ายต้องบอกว่า รัฐบาลคุยร่วมกันแล้วว่าจะเปิดทุกอย่างให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นสมเด็จฮุน เซน ตอกย้ำตามเดิมว่าอยากให้เคลียร์ทหารว่าพร้อมหรือไม่ในการเปิดด่าน เพราะที่ผ่านมาต้องการเสถียรภาพ แต่ถูกทหารฝ่ายไทยเริ่มปิดด่านกดดันก่อน นายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวตอบว่า “พร้อม”“นายกฯ” รับคลิปหลุดคุยฮุน เซน “ของจริง”ที่หน้าตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.09 น. วันที่ 18 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวด่วน หลังมีการปล่อยคลิปการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยกล่าวยอมรับว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปจริง คุยกันเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ล่ามในคลิปบอกว่าสมเด็จฮุน เซน โกรธ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่างการคุยจึงบอกว่าขณะที่ไทยกับกัมพูชาตอนนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน แม่ทัพภาค 2 ก็ต้องพูดเช่นนั้น อย่าไปถือสา เป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์แบบส่วนตัว ซึ่งไม่ควรนำมาเปิดเผย ตนมีจุดมุ่งหมายที่จะรักษาความสงบสุขของบ้านเมือง รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ประชาชน จึงพูดคุยด้วยความนุ่มนวลพยายามพูดใจเย็นเพื่อสันติภาพนายกฯกล่าวอีกว่า การพูดคุยส่วนตัวก็เรียกคุณลุงเหมือนกับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ระหว่างการพูดคุยตนไม่มั่นใจไทม์ไลน์ของกองทัพ สมเด็จ ฮุน เซน บอกให้เปิดด่าน จึงเสนอให้เปิดพร้อมกันแสดงถึงสันติภาพ จับมือแล้วเปิดพร้อมกันแต่ทางกัมพูชาไม่ยอมให้ไทยเปิดก่อนแล้วจะเปิดตามหลัง 5 ชั่วโมง บอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น ตนก็ไม่แน่ใจ จึงขอปรึกษากระทรวงกลาโหมก่อน แล้วให้คำตอบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่บ้านพิษณุโลก ระหว่างนั้นสมเด็จฮุน เซน ก็โพสต์เฟซบุ๊กจะปิดด่านทุกด่านทำไมไม่เหมือนที่พูดกันไว้ ตนพยายามพูดอย่างใจเย็น เพื่อให้การต่อรองเกิดสันติภาพ ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ นี่คือความตั้งใจ สมเด็จฮุน เซน เขาย้ำเรื่องการเปิดด่านอย่างเดียว ซึ่งตนไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่ซัดทำเพื่อคะแนนนิยมตัวเอง“แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการของท่านจริงๆ คือคะแนนนิยมภายในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ท่านต้องการคะแนนนิยมภายในประเทศ เพราะเคยบอกกับดิฉันว่าคะแนนนิยมเริ่มตก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ดิฉันหวังว่าท่านจะได้คะแนนนิยมเพิ่มอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่าเมื่อผู้นำสองท่านคุยกันแบบส่วนตัว แต่ที่มีการอัดคลิปแล้วปล่อยมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้น จะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่าเราต้องการสันติภาพ ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้คะแนนนิยมของท่านเพิ่มขึ้น ไม่เป็นไรก็ตามนั้น” นายกฯกล่าวแฉ “ฮุน เซน” โกรธแม่ทัพภาค 2เมื่อถามว่า การบอกว่าแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา ถือเป็นเทคนิคในการสนทนาหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวสวนทันทีว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่พวกเรา แต่เรากับกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว การจะพูดคุยกันก็ต้องพูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว แต่ตนทราบว่า สมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาค 2 จึงชี้แจงทำความเข้าใจ เมื่อถามอีกว่า ประเด็นนี้จะต้องทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาค 2 หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หากตนเป็นฝั่งตรงข้ามกับกองทัพ ทำไมต้องรอว่าฝั่งกองทัพคิดอย่างไร แต่มันไม่ใช่ เมื่อตนทราบว่าเขาโกรธกองทัพก็รีบทำความเข้าใจว่า เมื่อเราทะเลาะกันเป็นฝั่งตรงข้ามก็ต้องพูดแบบนี้ ให้แม่ทัพภาค 2 พูดไป พยายามลดอารมณ์ว่าไม่มีอะไร เพื่อจะให้คุยประโยคต่อไปและนำไปสู่ความสงบสุขเตือนคนไทยอย่าหลงกลเขมรเมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวจะมีคลิปที่ 2 ตามออกมา จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะภายในประเทศ ที่เหมือนจะถูกยั่วยุให้รบกันเอง นายกฯตอบว่า “ใช่ค่ะ ดิฉันไม่อยากให้คนไทยหลงกลตรงนี้ เพราะเป็นเทคนิคให้เข้าใจว่าเราทะเลาะกัน แต่จริงๆแล้วประโยชน์แรกที่ดิฉันพูด คือต้องการแสดงความเข้าใจเขา ให้เขาบอกความต้องการที่แท้จริงว่า อะไรที่จะทำให้ประเทศชาติสงบสุข อะไรทำให้การปะทะมันจบลง” เมื่อถามอีกว่า การพูดคุยและมีการปล่อยคลิปตามหลังออกมาแบบนี้ ต่อไปจะพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ทราบลั่นขอไม่คุยส่วนตัวอีกต่อไปเมื่อถามย้ำว่า สันติเจรจาจะยังใช้ได้กับกัมพูชาหรือไม่ น.ส.แพททองธารกล่าวว่า ตนไม่ใช่คนที่จะไปท้าตีท้าต่อย แต่คงไม่มีการคุยส่วนตัวแล้ว เมื่อถามอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุนกับตระกูลชินวัตร ได้จบลงแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ไม่ทราบว่าอย่างไร แต่ไม่ขอคุยส่วนตัวอีกแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องการไว้ใจ อย่างไรก็ตามบทสนทนาแบบนี้ไม่ควรที่จะออกมา เพราะนี่คือระดับผู้นำของประเทศ คือนายกฯและอดีตนายกฯที่เป็นนายกฯมาตั้งแต่อายุ 32 ปี เป็นพ่อของนายกฯคนปัจจุบัน บทสนทนาแบบนี้ก็นั่นแหละค่ะ“ฮุน เซน” รับอัดคลิปเองปล่อยเองทางด้านสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา กล่าวยืนยันเรื่องการสนทนาทางโทรศัพท์กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ที่มีขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 มิ.ย. ระบุว่าเป็นการสนทนาผ่านล่าม ชื่อนายเกลียง ฮวต ใช้เวลาทั้งหมด 17 นาที 6 วินาที ตัวเองเป็นฝ่ายอัดเสียงไว้ตามธรรมเนียม เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดและการแปลภาษาอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งสร้างความโปร่งใสของทางฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา หลังจากการสนทนาเสร็จสิ้น ได้ส่งคลิปเสียงที่คุยกับนายกรัฐมนตรีไทย ไปให้นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับคนในรัฐบาลอีกประมาณ 80 คน ทั้งคณะกรรมการพรรครัฐบาล กลุ่มทำงานวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงต่างประเทศ จนถึงฝ่ายกองทัพ เป็นไปได้ที่คนเหล่านี้มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีไทย หลังจากสนทนาเสร็จสิ้นไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยก็มากล่าวหากัมพูชา ว่าเล่นการเมืองไม่เป็นมืออาชีพและเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊ก เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งอย่างมาก เท่าที่ทราบคลิปเสียงที่หลุดออกไป มีระยะเวลาประมาณ 9 นาที ด้วยเหตุนี้ หากฝ่ายไทยมีความ ประสงค์อยากได้คลิปเต็ม 17 นาที 6 วินาที ก็พร้อมที่จะนำมาเปิดเผยทั้งหมดมทภ.2 ไม่ติดใจนายกฯอิ๊งค์ปมคลิปเสียงต่อมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาพูดคุยปรับความเข้าใจ พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาในการสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน เพื่อต้องการให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเบาบางลง เป็นการพูดคุยกันหลังบ้าน ได้บอกกับนายกฯไปว่า “ผมไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจ” นายกฯได้ขอบคุณที่เข้าใจ ถือว่าคุยแล้วเข้าใจแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไร ตนทำเพื่อประเทศชาติเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของพี่น้องประชาชน หลังให้สัมภาษณ์จะเดินทางไปเยี่ยมผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้รับบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน ตนทำงานตามปกติไม่มีอะไรวงประชุม RBC เดินหน้าต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ถึงเรื่องไทยต้องย้ำจุดยืน 4 ข้อพิพาทเป็นของไทยว่า คณะกรรมการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC ได้ประชุมพูดคุยเรื่องเขตแดน หลังจากนี้จะประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชาหรือ RBC ที่มีกระแสข่าวกัมพูชาจะไม่เข้าร่วม เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ขณะนี้ RBC ผู้ที่อยู่ชายแดนกำลังคุยกันและสรุปจะเดินตามนี้ กัมพูชาขออนุญาตไปถามผู้บังคับบัญชาทางเขาว่าจะนัดเป็นวันใด ไม่ได้ปฏิเสธอะไรตามที่เป็นข่าว เมื่อถามว่าสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์โซเชียลทุกวันยังคุยกันได้อยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า โซเชียลก็ว่ากันไป ไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ไทยยึดหลักกฎหมายและการปฏิบัติที่เป็นสากล เราแสดงท่าทีพูดชัดเจนทุกเรื่อง มีการออกเป็นหนังสือตลอด สิ่งที่ไทยพูดเป็นมาตรฐานระดับสากล เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยกับผู้นำกัมพูชาได้หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องไปถามนายทักษิณ มาถามตนคงไม่อาจรู้ได้ปชน.ไล่นายกฯลาออกสถานเดียวอีกด้านที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ถูกปล่อยออกมาว่า น่าตกใจมาก เพราะนายกฯยอมรับเป็นคลิปเสียงจริงแต่เป็นเทคนิคเจรจาให้โอนอ่อนผ่อนตามในฐานะประมุขฝ่ายบริหารสมควรหรือไม่ในการเจรจาไม่มีประโยคใด ยืนยันจุดยืนปกป้องอธิปไตยประเทศ ที่ยากจะเข้าใจคือ การดิสเครดิตทีมงาน รู้สึกตกใจและผิดหวังมาก ประชาชนจะไว้วางใจ น.ส.แพทองธารต่อไปได้อย่างไร ประโยคที่เรียกสมเด็จฮุน เซนว่า Uncle ไม่ควรเป็นท่าทีนายกฯ รวมถึงบอกถ้าสมเด็จฮุน เซนต้องการอะไรจะจัดการให้ นี่หรือคือการเจรจา“เท้ง” เรียกร้องยุบสภาคืนอำนาจ ปชช.ช่วงเย็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. โพสต์ข้อเรียกร้อง ต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถึงเรื่องคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน จำนวน 6 ข้อ ใจความสำคัญระบุว่า สิ่งที่ไม่ควรออกจากปากผู้นำไทย คือการสื่อสารกับผู้นำของประเทศเพื่อนบ้าน ว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งกับรัฐบาลไทยและกัมพูชา ไม่อยากเห็นฝ่ายใดฉวยโอกาสนี้ ไปทำให้กองทัพมีอำนาจ เหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย บทสนทนาที่ปรากฏในคลิปเสียงกลับยิ่งทำลายความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนต่อนายกฯของพวกเขาลงอย่างสิ้นเชิง หากนายกฯ ไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนไทยให้กลับมาได้โดยเร็ว ขอเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภา คืนอำนาจให้แก่ประชาชนและเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลบางกลุ่มปลุกปั่นความผิดพลาดของ น.ส.แพทองธารให้บานปลายจนนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดี ต่อระบอบประชาธิปไตยของเรา“สว.พันธุ์ใหม่” ดักคอทหารอย่ายึดอำนาจทางด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. พร้อมกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่แถลงที่รัฐสภา กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับคลิปเสียงที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า เป็นเสียงของตัวเองจริง ว่า ทำให้เกิดความไม่สบายใจของคนไทยทั้งประเทศและฝ่ายความมั่นคงอาจรู้สึกคับข้องใจ รัฐบาลต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อบทสนทนา สว.พันธุ์ใหม่เรามองว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ทำหน้าที่รักษาชายแดนของประเทศไทยดีอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นด้วย ถ้าทหารจะใช้เงื่อนไขนี้มายึดอำนาจ หรือทำรัฐประหาร เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เรื่องปากท้องประชาชน เรื่องของความไว้วางใจของนานาอารยประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฉะนั้นอย่าใช้เงื่อนไขทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจ ขอร้องและวิงวอนถึงฝ่ายความมั่นคง เพราะประชาชนไม่ต้องการ แม้เราต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องการรัฐธรรมนูญที่ผ่านกระบวนการทางรัฐสภาให้เป็นฉบับของประชาชน เราไม่ต้องการให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญในประเทศไทยบี้นายกฯรับผิดชอบลาออก-ยุบสภาเมื่อถามว่า นายกฯควรจะลาออกหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ แต่จะรับผิดชอบอย่างไรก็ต้องออกมาชี้แจงเพราะที่นายกฯ ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเอง และประชาชนฟังแล้วไม่สบายใจ ฝ่ายความมั่นคงไม่สบายใจ เมื่อถามว่า หากนายกฯไม่ลาออกการแก้ปัญหาจะเกิดความเชื่อมั่นอย่างไร น.ส.นันทนา กล่าวว่า ต้องดูศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลนี้ รัฐบาลมีทางออกคือ ลาออกหรือยุบสภา ถ้ายุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนก็สามารถตัดสินใจได้ว่าเขาจะเลือกใครมาเป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการปะทะ ไม่ใช้ความรุนแรง สำหรับส่วนตัวเห็นว่า รัฐบาลนี้มีปัญหาในการสื่อสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ ทำช้าเกินไป ทำน้อยเกินไป ขาดเอกภาพและขาดประสิทธิภาพ ยิ่งมีคลิปเสียงนายกฯ ยิ่งตอกย้ำเรื่องความไร้ประสิทธิภาพในการสื่อสาร ในฐานะ สว.อาจตอบไม่ได้ว่า มีความเชื่อมั่น ในรัฐบาลหรือไม่ ขอให้ประชาชนตัดสินใจแล้วกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังลอบข้ามแดนส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ภายหลังกองกำลังบูรพามีคำสั่งเข้มงวดห้ามนักพนัน นักท่องเที่ยวและพนักงานสถานบันเทิง เดินทางไปเที่ยวไปทำงานที่กัมพูชาโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. ส่งผลให้บรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญ ประเทศ ช่วงเช้าวันที่ 18 มิ.ย. เงียบเหงาลงมาก กลุ่มคนที่เคยเป็นที่จับตาอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็หายไปจากพื้นที่ด่านคลองลึก ไม่มีการรวมตัวหรือปรากฏตัวที่หน้าด่านเหมือนเช่นเคย เป็นที่ผิดสังเกตให้กับผู้อยู่ในพื้นที่ ขณะเดียวกัน มีข้อมูลจากวิน มอเตอร์ไซค์รับจ้างในพื้นที่ชายแดนรายหนึ่งเปิดเผยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์บางส่วนยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการข้ามแดนไปทำงานโดยหันไปใช้เส้นทางธรรมชาติแทน แล้วมีรถรับส่งพาไปทางป่ารกร้างบางจุดที่เจ้าหน้าที่เข้าไม่ถึง พอเข้าแนวชายแดนก็มีคนนำข้ามต่อไปฝั่งกัมพูชาเพื่อไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหมือนเดิมไร้นักเที่ยวนักพนันกาสิโนรายได้หดส่วนบรรยากาศที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ พบว่าห้องพักเกือบทั้งหมดเต็ม เนื่องจากมีกลุ่มชายฉกรรจ์ชาวต่างชาติและบุคคลไม่ทราบสัญชาติจำนวนมากมาปักหลักรอจังหวะข้ามแดน โดยเชื่อว่ายังมีเส้นทางธรรมชาติบางจุดที่สามารถใช้งานได้อยู่ ทำให้ยังไม่ยอมถอนตัวออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่ในบ่อนกาสิโนในกัมพูชารายหนึ่งเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารบ่อนหลายแห่งในปอยเปตได้เรียกประชุมด่วนรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากการห้ามเดินทางข้ามแดนของฝั่งไทย ทำให้รายได้จากนักพนันลดลงอย่างมากและมีคำสั่งให้ลูกน้องแต่ละบ่อนออกไปถ่ายรูปร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ต่างๆ ใกล้แนวชายแดน โดยเฉพาะร้านที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไทยอาจปล่อยให้ผ่านได้หรืออาจมีช่องทางให้เล็ดลอดได้ในอนาคต เพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้ประสานงานจนท.ยังปักหลักสกัดคนข้ามแดนต่อมาเวลา 08.00 น. จนท.ร้อย ทพ.1201 ร่วมกับ จนท.ด่านศุลกากรอรัญประเทศฯและ จนท.ตม.จ.สระแก้ว เปิดประตูด่านพรมแดนคลองลึกฯเวลา 08.00 น. และฝั่งกัมพูชา จนท.กัมพูชาได้เปิดประตูด่านพรมแดนปอยเปต เวลา 09.00 น. มีคนไทยที่ทำงานอยู่ฝั่งปอยเปตกับชาวกัมพูชาที่ค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือฝั่งไทย แห่เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จากฝั่งปอยเปตเข้ามาในไทยนับพันคน พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 ร.อ.อาคม มงคลนำ ผบ.ร้อย ทพ.1201 นำกำลัง จนท.ร้อย ทพ.1201 และ ชค.ทพ.12 ร่วมกับ พ.ต.อ.ปาริชาติ บรรจงปรุ ผกก.ตชด.12 ได้นำกำลัง จนท.ตชด.12 มาตั้งจุดตรวจคัดกรองสกัดคนไทย ไม่ให้เดินทางออกไปทำงานในบ่อนกาสิโนเว็บพนันออนไลน์ต่างๆในฝั่งปอยเปต ทำให้บรรยากาศบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกด่าน ตม.อรัญประเทศ วันนี้เงียบเหงามากนอกจากไม่มีพนักงานกาสิโนคนไทยเดินทางออกไปกัมพูชาแล้ว มีเพียงชาวกัมพูชาที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยเดินทางออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเดือดร้อนข้าวของขึ้นราคาแพงหูฉี่นางกง โย อายุ 45 ปี ชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย บอกว่า ขณะนี้ชาวกัมพูชาโดยเฉพาะใน จ.บันเตียเมียนเจย ตรงข้าม จ.สระแก้ว กำลังลำบากมากเนื่องจากสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ผัก ผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค มีราคาแพงมากและหายาก ทำให้ชาวเขมรเดือดร้อนหนักเพราะไม่มีเงินจะซื้อ อยากให้รัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยรีบเจรจาหาทางออกโดยเร็ว ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน ส่วนใครผิดใครถูกตนไม่รู้แต่ไม่อยากให้มีการปิดด่านหรือสู้รบกัน หลังจากกัมพูชาตัดกระแสไฟฟ้าจากไทยไปใช้ไฟฟ้าของเวียดนามแทน ทำให้บ่อนกาสิโนทั้ง 10 บ่อนในฝั่งปอยเปต มืดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีไฟเปิดสว่างไสวเหมือนเดิม ได้ยินแต่เสียงเครื่องปั่นไฟติดตลอดเวลา ลูกชายซึ่งทำงานเป็นพนักงานในบ่อน เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ในบ่อนปอยเปตทั้ง 10 บ่อน เหมือนบ่อนร้างแล้ว ไม่มีลูกค้าคนไทยเข้าไปเล่นพนัน จนหลายบ่อนเตรียมจะปิดบริการชาวปอยเปตบ่นพึมไฟฟ้าติดๆดับๆผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางการกัมพูชาตัดกระแสไฟฟ้าที่เคยรับจากฝั่งไทย หันไปใช้ไฟฟ้าจากเวียดนามแทน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่กรุงปอยเปต โดยเฉพาะบริเวณเขตที่พักอาศัยและกาสิโน ต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าตก ไฟดับต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ทำให้ประชาชนในปอยเปตรับรู้ถึงความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ที่จะดับนานประมาณ 2-3 นาที แล้วกลับมาใช้งานได้ จากนั้นก็เกิดไฟตกอีกใน 4-5 นาทีสลับกันเช่นนี้ตลอดทั้งคืน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดได้รับความเสียหาย การดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันต้องหยุดชะงักเสียงเครื่องปั่นไฟกระหึ่มทั้งเมืองเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าในพื้นที่กล่าวว่า ทางการกัมพูชาจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟฟ้าในหลายจุดให้ทำงานตลอดเวลา เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนในระบบ ถึงขั้นมีเสียงเครื่องปั่นไฟดังกระหึ่มไปทั่วเมือง จนชาวบ้านพากันพูดว่า “ตัดเอง ปั่นเอง ไม่เกรงใจใคร” สถานการณ์ดังกล่าวนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มแม่ค้า ผู้ประกอบการในพื้นที่ ชาวบ้านทั่วไปต้องทนอยู่กับภาวะไฟฟ้าไม่เสถียรและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า ระบบไฟฟ้าที่รับจากเวียดนาม จะสามารถรองรับความต้องการของทั้งเมืองได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนระดมชาวเขมรชุมนุมแสดงจุดยืนวันเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในฐานะประธานสหภาพสมาพันธ์ยุวชนกัมพูชา จัดการชุมนุมในกรุงพนมเปญ ภายใต้หัวข้อ “เดินขบวนเพื่อความเป็นเอกภาพ” ระดมชาวบ้านกว่า 150,000 คน แสดงจุดยืนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เชื่อมั่นในรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา การชุมนุมครั้งนี้ทำให้เห็นว่า เมื่อกัมพูชาถูกคุกคามความเป็นปึกแผ่นของดินแดน มีคนมาหยามเกียรติ ประชาชนชาวกัมพูชาจะไม่ยอมนิ่งเฉย พร้อมที่จะออกมาปกป้องผลประโยชน์ของชาติ แต่แน่นอนว่าต้องดำเนินการภายใต้คำสั่งของสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธีและอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่