เรื่องคมๆความหมายชวนคิด (สุริยเทพ ไชยมงคล อินสไปร์ เครือนานมี พิมพ์ พ.ศ.2553) เรื่องที่ 15 แมวกับรูปปั้นหนูผมอ่านแล้วหลายครั้ง...แต่ไม่สะดุดใจอยากเล่าต่อเท่าครั้งนี้ณ เมืองอันไกลโพ้น ช่างปั้นสองคนมีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ จนแทบจะตัดสินไม่ได้ใครเก่งกว่าวันหนึ่งพระราชาเกิดอยากรู้ว่าใครควรเป็นช่างปั้นที่เก่งที่สุดของพระนคร จึงดำริจะจัดการประลองฝีมือขณะสองช่างปั้นเข้าเฝ้า พระราชาประกาศกติกาให้เวลาสามวันให้สองช่างปั้น ปั้นหนูให้เหมือนหนูมากที่สุด นอกจากจะได้รับตำแหน่งช่างปั้นที่เก่งที่สุดแล้ว ยังมีของมีค่าอีกมากมายสามวันของการแข่งขัน สองช่างปั้นใช้ฝีมือปั้นหนูสุดฝีมือ ไม่ได้หลับนอน ครบกำหนดเวลา สองช่างปั้นถวายรูปหนูให้พระราชาพระราชาทรงเรียกขุนนางทั้งหมดมาช่วยกันตัดสินหนูของช่างปั้นคนแรก ปั้นจากดินเหนียวชั้นดี ฝีมือปั้นประณีตละเอียดลออ ดูราวกับมีชีวิต แม้แต่หนวดก็ดูเหมือนกระดิกได้ส่วนหนูของช่างปั้นคนที่สอง ทำจากวัสดุที่แตกต่างจากคนแรก ดูไกลๆพอรู้ว่าเป็นรูปปั้นหนู แต่เมื่อใกล้ๆเหมือนหนูแค่ร้อยละสามสิบมองด้วยสายตาของพระราชาและขุนนางทั้งท้องพระโรง มติก็เป็นเอกฉันท์ ช่างปั้นคนแรกเป็นผู้ชนะ“การตัดสินครั้งนี้ไม่ยุติธรรม” ช่างปั้นคนที่สองแย้ง และให้เหตุผล“การจะดูว่าหนูตัวไหนเหมือนหนูจริงหรือไม่? ต้องให้แมวตัดสิน เพราะแมวย่อมรู้จักหนูดีกว่าคน”นี่เป็นข้อโต้แย้งที่แยบคาย มีเหตุผล พระราชาและพวกขุนนางต่างก็เห็นด้วย สั่งให้นำแมวหลายตัวในวัง มาเป็นคณะกรรมการตัดสินไม่มีใครคิดว่าเพียงแค่ปล่อยแมวลง พวกมันก็พุ่งทะยานเข้าใส่รูปปั้นหนูตัวที่สอง ที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เหมือนหนู ทั้งพวกมันต่างก็แย่งชิงกันกัดแทะหนูตัวนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายขณะที่หนูตัวที่ปั้นได้เหมือนหนู...ไม่มีแมวตัวไหนสนใจเลยเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้า พระราชาต้องให้ตำแหน่งช่างปั้นอันดับหนึ่งของประเทศให้ช่างปั้นคนที่สอง ทั้งที่พระราชาและเหล่าขุนนางต่างก็คลางแคลงใจ ตัดสินถูกต้องหรือไม่?ผ่านงานประกาศรางวัลไปแล้ว พระราชาเรียกช่างปั้นผู้ชนะ เข้ามาถาม“เจ้าปั้นหนูที่ไม่เหมือนหนูเลย ด้วยอะไร จึงเรียกแมวเข้าไปตะครุบได้ขนาดนั้น”“ฝ่าบาท ข้าน้อยเพียงแต่ใช้ก้างปลาบดมาปั้นเป็นหนู เท่านั้น” ช่างปั้นกราบทูล“เพราะสิ่งที่แมวสนใจ ไม่ใช่ความเหมือน แต่เป็นกลิ่น”จบเรื่องคมๆ...มีคำอธิบาย ความหมายชวนคิด ผู้คนในสังคมสมัยใหม่หลงลืมประเด็นหลักของการประเมินคุณค่า ไขว้เขวไปกับเรื่องปลีกย่อย มัวเมามุ่งเอาแต่ชัยชนะ โดยไม่สนใจวิธีการที่จะได้มาชีวิตคนที่อยู่บนพื้นฐานของการคิดแบบบริโภคนิยม ที่มองว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ วิธีคิดนี้คล้ายกับการตัดสินรูปปั้นหนูที่ “กลิ่น”แทนที่จะตัดสิน “ความเหมือน” ซึ่งตรงกับความหมายที่ตั้งไว้ให้ช่างปั้นแข่งขันแง่คิดจากคำอธิบายความหมายชวนคิด...สำหรับผมลึกซึ้งเกินไป ชาวบ้านอย่างผมคงคิดได้ตื้นๆแต่เพียงว่าเราจะฝากชะตากรรมของบ้านเมืองไว้กับคณะกรรมการแบบไหนคณะกรรมการคน ก็ได้ผลไปอย่าง คณะกรรมการแมว ก็ได้ผลไปอีกอย่าง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม