ปิดฉากถกเจบีซีวันที่สองไร้ข้อสรุปชัดเจน หลังใช้แผนที่คนละฉบับเป็นข้อกำหนดในการปันเขตแดน ผู้นำเขมรชิงยื่น ศาลโลกปมพิพาทดินแดน “ช่องบก-3 ปราสาท” มั่นใจใช้กลไกของกฎหมายระหว่างประเทศคลี่คลายสถานการณ์ ด้าน “กระทรวงบัวแก้ว” ย้ำจะใช้ 3 ระดับหลักเป็นกลไกในการร่วมแก้ปัญหา พร้อมนัดประชุมเจบีซีสมัยพิเศษ ก.ย.นี้ที่ไทย ขณะที่ สมช.นัดประชุมประเมินผลกระทบ-ข้อกฎหมาย หลังรัฐบาล กัมพูชาประกาศยุติการซื้อสัญญาณอินเตอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้าจากไทย ส่วนนายกฯย้ำไม่มีแนวคิดผลักดัน แรงงานเขมรกลับประเทศ ให้คำมั่นยึดประโยชน์ ปท. เหนือความสัมพันธ์-ประโยชน์การเมืองจบการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ครั้งที่ 6 ในวันที่สอง เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ไปเรียบร้อย แม้การประชุมจะเป็นไปด้วยดี แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน“ไทย-กัมพูชา” ปิดประชุมเจบีซีที่โรงแรมโซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 เป็นวันที่ 2 ในช่วงเช้าเวลา 10.00 น. เป็นการหารือวงเล็ก ของสองประเทศยาวนานกว่า 4 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 14.00 น. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายลำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมพิธีปิดการประชุมเจบีซี ครั้งที่ 6 พร้อมลงนามบันทึกการประชุมร่วมกันที่กรุงพนมเปญ ภายหลังลงนามเสร็จทั้งสองฝ่ายได้มอบของที่ระลึก ดื่มแชมเปญ และถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นเวลา 14.20 น. หัวหน้าของคณะเจบีซีของทั้งสองฝ่ายเดินทางออกจากโรงแรมที่ประชุม โดยนายลำ เจีย กล่าวว่า การประชุมเป็นไปด้วยดีและเรียบร้อย แต่ไม่เปิดเผยข้อมูลข้อตกลง ขณะที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนส่วนผลการประชุมเจบีซี นายประศาสน์จะแถลงผลการประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 มิ.ย.นี้กต.แจ้งผลการประชุมราบรื่นต่อมาเวลา 15.10 น. เพจกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยผลการประชุมผ่านทางเฟซบุ๊กว่า การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี เน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของเจบีซี เป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีความยาวทั้งหมด 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจบีซี สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือน ก.ย.นี้ ปัจจุบันไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ 1.เจบีซีที่เป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ 2.คณะกรรมการชายแดนทั่วไป เป็นกลไกทวิภาคีระดับสูงด้านความมั่นคง มี รมว.กลาโหมไทยกับกัมพูชาเป็นประธานร่วม เพื่อหารือการกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนสองประเทศ 3.คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) เป็นกลไกระดับทวิภาคีฝ่ายทหาร เพื่อหารือในระดับพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การพัฒนา ตลอดจนการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดนร่วมกัน โดยประธานร่วมเป็นระดับแม่ทัพภาคหรือตำแหน่งที่เทียบเท่าเขมรชิงยื่นศาลโลกปมพรมแดนทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา รอบสองในวันที่ 15 มิ.ย. จะเริ่มขึ้น นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ออกมาแถลงว่า รัฐบาลกัมพูชาส่งเอกสารอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ หาทางคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งพรมแดนปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และช่องบก ตรงกับวันที่ศาลไอซีเจตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณ เป้าหมายของกัมพูชาที่จะคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติผ่านกลไกของกฎหมายระหว่างประเทศและศาลไอซีเจ สิ่งที่กัมพูชาต้องการคือความยุติธรรม ความเสมอภาค และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่ลูกหลานของเราจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่จบไม่สิ้นยืนยันไม่ยอมรับแผนที่ฝั่งไทยต่อมาสำนักข่าวแขมร์ ไทม์สของกัมพูชา รายงานความคืบหน้าการประชุมเจบีซีรอบสอง ที่โรงแรมโซฟิเทล พนมเปญ โภคีตรา ในกรุงพนมเปญ ระบุว่า นายลำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งกัมพูชา ได้แสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ยอมรับแผนที่ของฝ่ายไทย มาใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง และแผนที่ดังกล่าวถือเป็นต้นเหตุของปัญหาเรื้อรังเรื่องข้อขัดแย้งพรมแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในวันนี้ และอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต รัฐบาลกัมพูชาพยายามหาหนทางร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยยึดตามเอกสารทางการและแผนที่ตามที่กำหนดไว้ในบันทึกความเข้าใจปี 2543 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงใช้แผนที่สัดส่วน 1 ต่อ 200,000 เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 2447 และสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 2450 ในส่วนของการทำงานปักปันเขตแดนและกำหนดเส้นเขตแดน โดยทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาตกลงที่จัดประชุมกันอีกในเดือน ก.ย.ปีนี้เตรียมบัสรับแรงงานเขมรกลับส่วนกรณีกัมพูชาเรียกแรงงานกัมพูชาในไทยกลับประเทศนั้น นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่า รัฐบาลกัมพูชาได้เตรียมรถโดยสารไว้กว่า 400 คัน เพื่อเตรียมรับแรงงานชาวกัมพูชาที่มีความประสงค์เดินทางกลับจากประเทศไทย หากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชา-ไทยลุกลามบานปลาย มาตรการนี้มีขึ้นตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชาที่ต้องการเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน ขอให้รัฐบาลกัมพูชาสั่งมาเราพร้อมดำเนินการทันที ส่วนสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชากล่าวชื่นชมแผนดังกล่าว เพราะเข้าใจดีว่าข้อขัดแย้งพรมแดนกัมพูชา-ไทยจะยืดเยื้อ โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลกัมพูชาดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลไอซีเจ รัฐบาลกัมพูชายินดีต้อนรับชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ ไม่ว่าประชาชนเหล่านั้นจะมีเอกสารอะไรหรือไม่ และเรื่องนี้ได้สั่งไปยังหน่วยงานทุกภาคส่วนรวมถึงกองทัพใน 7 จังหวัดติดพรมแดนไทย ให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางกลับมาอย่างเต็มที่ไทยไม่คิดผลักดันแรงงานเขมรขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.13 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กและทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) กรณีสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โพสต์ข้อความเรียกร้องให้แรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยเดินทางกลับมาตุภูมิ ก่อนที่จะถูกทางการไทยเนรเทศว่า ประเทศไทยเปิดต้อนรับแรงงานต่างชาติ ดูแลสวัสดิการแรงงานที่เดินทางเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายตามสิทธิ และยึดหลักสิทธิมนุษยชนตลอดมา รัฐบาลไทยไม่เคยมีแนวคิดผลักดันแรงงานต่างด้าวประเทศใดออกนอกราชอาณาจักร แต่หากมีประเทศที่ออกมาตรการเรียกแรงงานกลับบ้านและมีงานรองรับ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่แรงงานแต่ละประเทศจะตัดสินใจ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลประเทศนั้น “ดิฉันให้คำมั่นว่าจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นการเมือง และขอเรียกร้องว่ามาตรการระหว่างประเทศใดๆ ที่เกิดขึ้น ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน เหนือผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศของตน โดยไม่ส่งผลดีต่อสถานการณ์”สมช.นัดประชุมประเมินสถานการณ์ส่วนกรณีรัฐบาลกัมพูชาประกาศยุติการซื้อสัญญาณอินเตอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้าจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสรพงศ์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคงรักษาราชการแทนรองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีหนังสือลงวันที่ 9 มิ.ย.2568 เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องประชุมประเมินสถานการณ์และแนวทางดำเนินการ ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมประสงค์ สุ่นศิริ อาคาร 20 ทำเนียบรัฐบาล มี ผอ.กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน เป็นประธาน ประเด็นหารือ 1.ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา 2.การดำเนินการภายหลังที่รัฐบาลกัมพูชามีมาตรการยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย 3.ผลกระทบจากมาตรการฯของฝ่ายกัมพูชา และ 4.ข้อกฎหมายและอุปสรรคการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง 5.ข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไปไร้ทหารเขมรปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกตด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษเผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น.นั้น จากการตรวจสอบในพื้นที่พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลักหรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนน ไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ทางกัมพูชาเข้าใจแห่ขอพรปกป้อง 3 ปราสาทขณะที่บรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ 1 ใน 3 ปราสาทโบราณ ที่ตกเป็นกรณีพิพาทนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ พบว่ายังคงมีคนในพื้นที่และใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างถิ่น เดินทางมามอบสิ่งของเป็นกำลังใจทหารที่ปฏิบัติการอยู่ที่ฐานปราสาทอย่างต่อเนื่องและคึกคักตลอดทั้งวัน ไม่ต่างจากปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ประชาชนถือโอกาสเข้าไปเที่ยวชมตัวปราสาท โดยมีทหารทำหน้าที่ไกด์นำชมตัวปราสาท และรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด โดยผู้มาเยือนต่างให้กำลังใจทหารที่ช่วยปกป้องรักษาอธิปไตยของไทยและต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวปราสาท ขอพรให้ปกป้องรักษาแผ่นดินไทย ให้ทหารปลอดภัย อย่าให้กัมพูชามาเอาปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควายไปได้รอข้ามแดนอรัญฯแน่นด่านส่วนบรรยากาศตามด่านต่างๆ ใน 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกัมพูชา ส่วนใหญ่ยังเงียบเหงา เนื่องจากไม่มีการเปิดประตูด่านในวันอาทิตย์ หรือแม้เปิดทำการตามปกติ แต่ไม่อนุญาตให้รถขนสินค้าผ่านข้ามแดนไปมาได้ อาทิ ที่จุดผ่านแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นประตูสำคัญเชื่อมต่อระหว่างไทยและฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา พบว่ามีประชาชนจำนวนมาก ทั้งคนไทยที่ไปทำงานในกาสิโนฝั่งกัมพูชา นักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้า ทยอยเดินทางมาเตรียมข้ามแดนตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ทำให้แถวที่รออยู่ยาวเหยียด ลากไปจนถึงบริเวณลานจอดรถด้านหลังของด่านลือหึ่ง “ฮุน เซน” สั่งปิดด่านปอยเปตขณะที่บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนปอยเปต ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เช้ามีคนไทยที่ทำงานในฝั่งปอยเปต มารอเดินทางกลับเข้าประเทศจำนวนมาก แต่ชาวกัมพูชาที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกลับน้อยลง จากการสอบถามชาวกัมพูชาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วง 1 ถึง 2 วันนี้ ชาวเขมรยังไม่ค่อยกล้าเข้าไทยเนื่องจากยังไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดน ส่วนหนึ่งมาจากมีข่าวลือในฝั่งกัมพูชาว่า สมเด็จฮุน เซน จะสั่งปิดด่านพรมแดนปอยเปต เพื่อตอบโต้ไทย ทำให้คนเขมร เกิดความกลัวไม่กล้าเดินทางเข้าไทยระดมกำลังรับมือเขมรแห่กลับบ้านด้าน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว เดินทางมาตรวจดูสถานการณ์บริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก เปิดเผยว่า จากที่สมเด็จฮุน เซน ออกมาเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชาในไทยกลับประเทศ ก่อนที่ทางการไทยจะเนรเทศกลับประเทศนั้น ยืนยันว่าทางการไทยไม่มีนโยบายเนรเทศแรงงานกัมพูชาแต่อย่างใด แต่เพื่อความ ไม่ประมาท ตม.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.ภัทกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึก และ ร.ท.สาโรจน์ โยธา ผบ.ร้อย ทพ.1201 จัดเตรียมกำลังมาบูรณาการร่วมกันในการรองรับหากมีแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยแห่เดินทางกลับประเทศ ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังปกติพบลอบข้ามพรมแดนธรรมชาตินอกจากนี้เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ฉก.อรัญประเทศ) ร่วมกับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารที่ 11 (นฝด.11) จัดกำลังชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศ (ชฝด.ลว.ทางอากาศ) โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสกัดกั้นการกระทำความผิดและการลักลอบข้ามแดน บริเวณพื้นที่บ้านท่าตาทุย ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (พิกัด 48P TA 35127 11054) เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย 5 ราย กำลังเดินจากฝั่งไทยไปยังแนวเขตแดนคลองน้ำใส และพบเรือข้ามฟากอยู่ในฝั่งกัมพูชาตรงข้ามจุดดังกล่าว จากการเฝ้าสังเกตด้วยโดรน พบว่ามีบุคคล 3 คน จากฝั่งกัมพูชากำลังข้ามฟากเข้ามาฝั่งไทย ขณะที่มีอีก 4 คนจากฝั่งไทย พยายามข้ามไปฝั่งกัมพูชา หนึ่งในนั้นได้ขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มาจอดรออยู่ใกล้บริเวณจุดข้ามรวบคนไทย “แก๊งคอลฯ-ผีพนัน”ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวได้ 3 ราย ได้แก่ 1.นายสมชาย เกื้อญาติ อายุ 31 ปี ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากบุคคลไม่ทราบชื่อให้เปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 บัญชี ได้รับค่าจ้างบัญชีละ 5,000 บาท ต่อมาถูกนัดพาไปยังฝั่งกัมพูชาเพื่อดำเนินการ “สแกนใบหน้า” กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ 2.นายสุภโชค ภูมิหิรัญ อายุ 37 ปี พร้อมภรรยาเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อไปเล่นการพนันที่ปอยเปต แต่ไม่มีพาสปอร์ต ใช้เส้นทางธรรมชาติข้ามแดน โดยติดต่อกับคนรู้จักให้ช่วยพาไป 3.นายชัยพล อุณหพันธ์ อายุ 28 ปี ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้มารอรับกลุ่มที่ข้ามแดนจากฝั่งกัมพูชา เพื่อนำไปส่งต่อยังจุดหมายในประเทศ ไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งตัวทั้งหมดให้กับ สภ.คลองลึก สอบสวนขยายผล พร้อมตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับขบวนการข้ามชาติที่อยู่เบื้องหลัง เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ลักลอบเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมาย” “ให้การสนับสนุนการกระทำผิด” และอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ”อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่