ไม่รู้ว่าจำนวน 21 สส.รวมไทยสร้างชาติที่มีชื่ออยู่ในหนังสือที่มีการยื่นให้นายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ปรับ ครม.ของพรรคเป็นของแท้หรือของปลอมก็ต้องไปพิสูจน์กันแต่หนังสือฉบับนี้ได้ถึงมือนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” แล้วก่อนที่จะขึ้นเครื่องไปสุรินทร์ที่เอ่ยปากเปิดเผยเรื่องนี้พร้อมกับบอกว่าการปรับ ครม.นั้นจะต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนนั่นคือความคืบหน้าล่าสุดแต่ประเด็นปัญหาขัดแย้งในพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นแม้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้จัดการรัฐบาลจะบอกว่าเป็นเรื่องของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะต้องไปจัดการกันเองแต่ฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจในการปรับ ครม.ไม่มีทางที่เลี่ยงปัญหานี้ไปได้ อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรเท่านั้นว่าถึงเรื่องนี้แล้วปัญหาในพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ร่วมก่อตั้งนั้นบารมีส่วนตัวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้ สส.เข้ามา 30 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อและมี สส.ภาคใต้จำนวนหนึ่งพูดง่ายๆว่าได้ดีเอ็นเอมาจาก “บิ๊กตู่” นั่นแหละ...“สุชาติ ชมกลิ่น” คนหนึ่งที่ตามมาจากพลังประชารัฐ และได้รัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกันเลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยเพราะถ้าลงสมัครที่ชลบุรีคงสอบตกไปแล้วพรรคนี้นอกเหนือจากบารมี “บิ๊กตู่” แล้วยังมีนายทุนพรรคระดับเศรษฐีให้การสนับสนุน แต่ก็เกิดปัญหาในการดำเนินนโยบายด้านพลังงานที่พรรครับผิดชอบ ซึ่งทำให้นายทุนไม่ค่อยพอใจนักนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้ง!ที่สำคัญนายทุนคนนี้มีความสนิทสนมกับ “นายใหญ่” ค่ายเพื่อไทยด้วยเรื่องราวมันเลยบานปลายที่ต้องแยกกันไปคนละทาง“สุชาติ ชมกลิ่น” ที่ทะเยอทะยานทางการเมืองก็เลยสร้างบทบาทให้ตัวเองเป็นหัวหอกอยู่ฝ่ายนายทุนเพื่อจัดการ “พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค” และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ที่คุมพรรคอยู่จุดสำคัญคือเขาต้องการเป็นรัฐมนตรีระดับว่าการแต่ได้เพียงช่วยว่าการ อีกทั้งสนิทสนมกับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” จึงวางแผนเดินหมากการเมืองลักษณะเดียวกันที่เขี่ยพลังประชารัฐออกจากรัฐบาลคือทำให้พรรคอกแตกแล้วแยกส่วนวันนี้สถานการณ์กำลังเดินไปเกือบจะถึงจุดนั้นแล้วถามว่าเกมนี้ใครได้ใครเสีย?ตอบตรงๆได้ว่า “เพื่อไทย” ได้แน่!เพราะ “เพื่อไทย” กำลังมีปัญหากับ “ภูมิใจไทย” หากจับมือกับรวมไทยสร้างชาติเพื่อออกจากรัฐบาลพร้อมกัน“เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำรัฐบาลจะมีปัญหาด้านเสถียรภาพทันทีการทำให้รวมไทยสร้างชาติแตกเป็น 2 เสี่ยงและผลักดันให้พ้นจากรัฐบาลก็จะทำให้รัฐบาลมีความมั่นคงไร้เกมต่อรองทันทีเป็นหมากรุกฆาตกิน “ขุน”...ว่างั้นเถอะที่สำคัญเสี้ยนหนามการเมืองอย่าง “ภูมิใจไทย” อำนาจการต่อรองก็ลดลงไปทันทียิ่งรวมไทยสร้างชาติพ้นจากรัฐบาลยิ่งเพิ่มน้ำหนักเข้าไปอีกเอาพรรค “โอกาสใหม่” เข้ามาเสียบแทนทุกอย่างก็จบจริงๆแล้วเรื่องนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ “พีระพันธุ์” ต้องโทษตัวเองเพราะสร้างปัญหาให้ตัวเองจากเรื่องหุ้นและถุงยังชีพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกทั้งไม่เข้มแข็งพอที่จะควบคุมพรรคให้เป็นเอกภาพได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม