สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานเงินเดือนทหารของพระองค์ฯ และสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพไทยเปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศที่ถ่ายไว้ตลอด 7 ทศวรรษ ยืนยันชัดทหารเขมรรุกล้ำแผ่นดินไทย ละเมิด MOU 2543 ถึง 651 ครั้ง ชี้ฝ่ายไทยประท้วงหลายรอบ แต่ถูกอีกฝ่ายเมิน พร้อมเปิดตัวขุนพลเจบีซีฝ่ายไทยถกปมช่องบก “ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย” อดีตทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและเจรจาปัญหาเส้นเขตแดนทางบก ด้านนายกฯยืนยันการประชุมเจบีซี ที่กรุงพนมเปญ 14 มิ.ย.นี้ เกิดขึ้นแน่นอนหลังกองทัพไทยใช้มาตรการกดดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนไทยจากเบาไปหาหนัก ด้วยการเลื่อนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา เพื่อจำกัดคนไทยที่จะไปเล่นพนันในบ่อนฝั่งกัมพูชา และพร้อมตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต หากสถานการณ์ชายแดนบริเวณจุดพิพาทที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และอีกหลายจุดยังอึมครึมนั้นเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ พระราชทานเงินผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาพระราชทานสิ่งของให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ณ วังศุโขทัย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับทหารชายแดน ประกอบด้วย เงินจากเงินเดือนทหารของพระองค์ฯ และสิ่งของอุปโภค บริโภค เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชากองทัพไทยเปิดภาพเขมรล้ำแดนส่วนที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ได้เปิดเผยข้อมูลแผนที่ทางอากาศที่จัดทำขึ้นโดยกองบัญชาการกองทัพไทย สืบเนื่องจากกรณีปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชา โดยมีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศ ตรงจุดปะทะช่องบก ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพถ่ายทางอากาศต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น ภาพถ่ายทางอากาศยืนยันได้ว่าไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่ และเปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทยพบเขมรเริ่มเคลื่อนไหวช่วง เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.ทท.ยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น และจากภาพถ่าย พบมีการเคลื่อนไหวก่อนเกิดการปะทะในวันที่ 28 พ.ค.2568 พบการขุดคูเลต (หลุมเพลาะ) อย่างชัดเจน และพบมีการเข้าไปตัดต้นพญาสัตบรรณให้ขวางเส้นทางเดินลาดตระเวน โดยการกระทำนี้เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.2568 ซึ่งแนวคูเลตในเชิงสัญลักษณ์ทางทหาร คือแนวที่สร้างขึ้นมาในกรณีจะใช้ทางยุทธวิธี และละเมิด MOU 2543 ซึ่งระบุว่า พื้นที่ที่ยังไม่สามารถปักปันเขตแดนให้ใช้งานร่วมกันในการลาดตระเวน และทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศได้ โดยตลอดระยะเวลาที่กัมพูชามีความเคลื่อนไหวต่างๆ ไทยได้ทำหนังสือประท้วงให้หยุด และให้กลับไปอยู่ในสถานการณ์เดิมแต่ไม่เป็นผลแฉกัมพูชาละเมิดเอ็มโอยู 651 ครั้งผู้สื่อข่าวสายทหารรายงานข้อมูลเหตุการณ์จากข้อมูลของกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานความมั่นคง สรุปปัญหาบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ระหว่างไทยและกัมพูชาว่า ในห้วงที่ผ่านมา พบมีการละเมิดบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ.2543 หรือ MOU 43 โดยฝ่ายกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ วันที่ 27 ก.พ.2568 พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา ลงพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต พร้อมส่งทหาร 80 นาย พร้อมอาวุธในพื้นที่ช่องบก วันที่ 1 มี.ค.2568 เกิดเหตุเพลิงไหม้ ศาลาตรีมุขหน่วยในพื้นที่ได้รับข่าวว่ามีทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธ เข้ามาวางกำลัง พร้อมดัดแปลงพื้นที่รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย บริเวณช่องบกประมาณ 150 เมตร เช้าวันที่ 28 พ.ค.2568 ฝ่ายไทยจึงจัดกำลังลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงฝ่ายไทย จึงเกิดการปะทะกันขึ้น จากข้อมูลกองทัพภาคที่ 2 รวมถึงหน่วยงานความมั่นคง ในอดีตที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาละเมิด MOU 43 จำนวน 651 ครั้ง ฝ่ายไทยประท้วงมาเป็นลำดับ แต่กัมพูชาไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมไทยโต้กลับปรับเวลาเปิดปิดด่านกระทั่งวันที่ 7 มิ.ย.2568 ผบ.ทบ.ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ ผบ.กกล.บูรพา และ ผบ.กกล.สุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 เวลา 19.00 น. ฝ่ายกัมพูชา โดย พล.ท.สรัย ดึก รอง ผบ.ทบ. และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย นำโดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผบ.กกล.สุรนารี ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับการวางกำลังให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อ ปี พ.ศ.2567 กลบคูเลต สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางหารือการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องในอนาคตส่องขุนพลเจบีซีไทยถกปมช่องบกผู้สื่อข่าวสายทหารรายงานรายละเอียดคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในส่วนของฝ่ายไทยที่จะเดินทางไปประชุมที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ว่าองค์ประกอบคณะ กมธ.ประกอบด้วย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เป็นประธานคณะ กมธ. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธานคณะ กมธ. ส่วนคณะ กมธ. ได้แก่ เลขา สมช. หรือผู้แทน เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ หรือผู้แทน อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก หรือผู้แทน อธิบดีกรมการปกครอง หรือผู้แทน เจ้ากรมแผนที่ทหาร หรือผู้แทน เจ้ากรมอุทกศาสตร์ หรือผู้แทน ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หรือผู้แทน รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย ผู้แทนกองทัพบก ผู้แทนกองทัพเรือตั้ง “ผบ.สส.” เป็นที่ปรึกษาคณะ กมธ.ทั้งนี้ ผู้อำนวยการกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมาธิการและเลขานุการ เจ้าหน้าที่ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมาธิการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะ กมธ.ชุดนี้ มีอำนาจหน้าที่พิจารณา และเจรจาปัญหาเส้นเขตแดนทางบก ระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงดำเนินการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการ คณะทำงาน เพื่อช่วยปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ได้แต่งตั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคณะ กมธ.นี้ด้วย นอกจากนี้ มีรายงานว่า ใน 1-2 วันนี้จะมีการประชุมคณะ กมธ.เขตแดนร่วมไทยกัมพูชาในส่วนของฝ่ายไทยวงเล็ก ที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเตรียมการประชุมที่กรุงพนมเปญต่อไป“บิ๊กเล็ก” ชี้ตัดน้ำตัดไฟรอ สมช.เคาะต่อมา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สถาน การณ์ดีขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้มีการเผชิญหน้ากันถือว่าดีขึ้น ยืนยันมาตรการปรับระยะเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนยังคงไว้อยู่ ส่วนกำลังส่วนอื่นทั้งสองฝ่ายยังอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้น มาตรการควบคุมตามแนวชายเรายังทำต่อไป หลังจากนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมาเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมถึงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ที่จะมีการเสนอต่อที่ประชุม สมช.จะพิจารณาตามสถานการณ์ โดยหน่วยกำลังป้องกันชายแดนต้องการตัดน้ำ ตัดไฟ และทางศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการ ต้องการตัดน้ำ ตัดไฟ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ จึงขึ้นอยู่กับ สมช.จะพิจารณาว่าจะดำเนินการหรือไม่อย่างไร เหมาะสมหรือไม่ที่จะดำเนินการในช่วงนี้“อิ๊งค์” ยันมีประชุมเจบีซีแน่นอนจากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ผลออกมาค่อนข้างเรียบร้อยดี มีการประสานความร่วมมือตามกรอบทวิภาคี รวมถึงคุยกันระหว่างกระทรวงและทุกหน่วยงาน พร้อมกันนี้ตนได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ผลลัพธ์ที่ออกมาสามารถเจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง โดยในระดับพื้นที่หน่วยงานความมั่นคงและกองทัพได้มีการประสานกับผู้นำเหล่าทัพของกัมพูชาหลายครั้ง ทำให้การพูดคุยเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้ส่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อมาขอความร่วมมือแก้ไขบริเวณที่มีการพิพาท ทำให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น รวมถึงมีการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ส่วนพื้นที่อื่นๆยังมีกำลังพลตามเดิม ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการคอนเฟิร์มในทุกระดับ และยืนยันวันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอนไม่สนเขมรชวนไปศาลโลกส่วนกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะส่งเรื่องไปยังศาลโลก น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลไทยขอยืนยันว่าไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการผ่านวิธีทางการทูต ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเวทีสากลและมีผลลัพธ์ที่ดีมาโดยตลอด แน่นอนว่าเรื่องนี้บางครั้งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชนได้ ทั้งนี้ ได้กำชับมาตรการชายแดนให้เปิด-ปิดตามเวลาที่กำหนด ไม่ได้ปิดด่านถาวรตามที่มีข่าวลือออกมา เพราะทราบดีว่าพื้นที่ตรงนั้นมีการค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าปิดด่านถาวรจะส่งผลเสียต่อประชาชน และต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้มีส่วนในการเจรจาในครั้งนี้ เพราะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับหัวหน้าหน่วยทุกคนที่ได้มีรายงานตรงมายังตนตลอด บางอย่างไม่สามารถพูดได้ เพราะจะเกิดผลกระทบ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในเรื่องของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งการเจรจาทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยดี และขอเน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างแน่นอน พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น ทั้งสองประเทศต้องการสันติวิธี เร่งเครื่องเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าให้มาเป็นสนามรบ“สนธิ-จตุพร” บุกทำเนียบฯอีกด้านหนึ่ง ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ช่วงสายวันเดียวกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นายวีระ สมความคิด นักสิทธิมนุษยชน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. พร้อมเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา มีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับหนังสือ โดยนายสนธิกล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย จะต้องลงถนนก็ไม่ขัดข้องแม้มีอายุ 78 ปีแล้ว ก็จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตายก็ยินดี และขอฝากถึงนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ในการเจรจาทวิภาคี คือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไรไทยไม่เข้าบ่อนเขมรกระเทือนที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการเปิดประตูด่านพรมแดนคลองลึก ในเวลา 08.00 น. ส่วนกัมพูชาเปิดด่านปอยเปต เวลา 09.00 น. โดย กกล.บูรพายังตั้งจุดตรวจเข้มสกัดนักพนันชาวไทยไม่ให้เดินทางออกไปกัมพูชา ยกเว้นคนไทยที่ไปทำงานในฝั่งปอยเปต เดินทางออกไปได้แต่อยู่ในกัมพูชาได้ไม่เกิน 7 วัน ซึ่งผลจากมาตรการสกัดนักพนันชาวไทยไม่ให้ออกไปบ่อนเขมร เริ่มส่งผลกระทบต่อบ่อนฝั่งปอยเปตอย่างหนัก โดยบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต 10 แห่ง ประกอบด้วย 1.บ่อนฮอลิเดย์ พาเลช 2.แกรนด์ ไดม่อน 3.สตาร์ เวกัส 4.ปอยเปตรีสอร์ท 5.โกลด์เด้นคราวน์ 6.ท็อปปิคคาน่า 7.ไดม่อนซิตี้ 8.สตาร์โกลด์ 9.โอเค วีไอพี และ 10.ดีเอ็นเอ กาสิโน เริ่มเงียบเหงา จนผู้บริหารบ่อนทั้ง 10 ต่างสั่งพักงานพนักงานคนไทยแล้วให้เดินทางกลับประเทศไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ทำให้เมื่อกัมพูชาเปิดด่านพรมแดนปอยเปตฯ เวลา 09.00 น. จึงมีคนไทย ซึ่งเป็นพนักงานบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต นับพัน เดินทางมารอกลับเข้าไทยอย่างเนืองแน่น และเข้าแถวต่อคิวรอตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า จนแถวยาวล้นอาคารผู้โดยสารขาเข้า ออกมาถึงสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าบ่อนกาสิโนเริ่มเตรียมเครื่องปั่นไฟมาสำรองไว้แล้ว เนื่องจากมีกระแสข่าวลือว่าไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าด้วยนายกฯไปสุรินทร์มอบนโยบาย 7 ผวจ. ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย ว่าในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ ตนในฐานะ รมว.มหาดไทย จึงมีการกำหนดการประชุม 7 ผวจ. ชายแดน มาประชุมร่วมกับนายกฯ ที่ จ.สุรินทร์ แทน จากเดิมที่จะประชุม 7 ผวจ. ที่ จ.อุบลราชการธานี เพื่อมารับมอบนโยบายจากนายกฯที่เดียว ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยสั่งให้มีการสำรวจหลุมหลบภัยในพื้นที่ชายแดนนั้น กำลังสำรวจเป็นการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่รอให้เกิดเหตุก่อนมาล้อมคอก เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็น เบื้องต้นพบว่าหลุมหลบภัยมีไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ และบางจุดชำรุดทรุดโทรม เรื่องนี้จำเป็นต้องมี ต้องให้ความมั่นใจว่าสามารถป้องกันภัยให้กับประชาชนได้ ส่วนงบประมาณค่อยว่ากัน แต่เรื่องนี้จำเป็นเร่งด่วน เมื่อสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วมีทางเลือกก็ใช้งบได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่