“ทวีวัฒน์” ที่ปรึกษาบอร์ด กสทช. และสามี ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินสด 12 ล้านบาท หอบเอกสารพบตำรวจปากเกร็ด แจงที่มาที่ไปเงินก้อนโตซุกกล่องทิ้งข้างถังขยะคอนโดเมืองทองธานี หลังถูกสอบเครียดนานกว่า 3 ชม. เจ้าตัวออกมายืนยันหัวชนฝาเป็นเงินตัวเองจริง หากไม่ใช่คงไม่เดินเรื่องให้เสี่ยงติดคุก ด้านรอง ผบช.ก. “จรูญเกียรติ ปานแก้ว” เรียก ตร.ปปป. และ ป.ป.ท.ร่วมสอบเคลียร์เส้นทางเงินยังคงเป็นประเด็นที่สังคมเฝ้าติดตาม กรณีพบเงินสด 12 ล้านบาทยัดกล่องพลาสติกใบใหญ่ทิ้งไว้ข้างกองขยะใกล้ลิฟต์คอนโดมิเนียมเมืองทองธานี ชั้น 4 อาคารพี 2 โซนซี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ภายในมีเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายตราครุฑสีแดง “ด่วนที่สุด” สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุชื่อนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว อนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาบอร์ด กสทช. และมีภรรยาเป็นข้าราชการระดับผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อมานายทวีวัฒน์เข้าพบพนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน ล่าสุดคนเก็บเงินกับเพื่อนอีก 2 คนเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ขณะที่ตำรวจเตรียมเรียกสอบนายทวีวัฒน์แจงถึงที่มาเงินอีกครั้ง พร้อมประสานตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมสอบเส้นเงินทั้งหมดความคืบหน้าการสอบคลี่ปมที่มาเงิน 12 ล้านบาท เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว อายุ 59 ปี ถือถุงผ้า เอกสารสีดำเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย เพื่อชี้แจงที่มาของเงินสด 12 ล้านบาท ท่าทางสีหน้าเคร่งขรึม ผูกผ้าขาวม้าคาดเอว ก่อนเดินเข้าพบพนักงานสอบสวนชั้นสอง ได้หันมาบอกกับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์ว่าเดี๋ยวเข้าให้ปากคำเสร็จแล้วจะออกมาอธิบายให้เข้าใจกันทุกคน ทั้งนี้พนักงานสอบสวนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนนทบุรีมาเก็บดีเอ็นเอ พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือนายทวีวัฒน์ใช้เปรียบเทียบกับธนบัตรและกล่องพลาสติกใส่เงิน รวมทั้งเสื้อผ้าที่พบในวันเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชม.หลังให้ปากคำเสร็จ นายทวีวัฒน์เปิดเผยว่า วันนี้มาหลายเรื่อง เรื่องแรกพิสูจน์ลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอ เรื่องที่ 2 คือตรวจสอบการให้ข้อมูล และการขยายผลว่าเงินก้อนนี้มีที่มาอย่างไร ส่วนหลักฐานที่นำมามีไม่มาก เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว และเรื่องที่ 3 จะต้องมาให้การอีกครั้ง แต่เมื่อไหร่ยังไม่ทราบ หลังจากนี้จะต้องสอบคนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินตนจริง ยืนยันว่าเป็นเงินของตัวเอง หากไม่ใช่คงไม่เดินเรื่องมาจนถึงวันนี้ เนื่องจากหากพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เงินของตนจะถูกดำเนินคดีให้การเท็จ และหากพบว่าเป็นเงินได้มาโดยมิชอบก็ต้องติดคุกเช่นเดียวกัน ตนเป็นทนายความทราบเรื่องกฎหมายดีส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปที่ส่งให้นิติของคอนโดนั้น นายทวีวัฒน์กล่าวว่า ส่งให้ตำรวจไปหมดแล้ว เมื่อถามอีกว่ากังวลใจหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะเดินทางไปกรมสรรพากร เพื่อให้ตรวจสอบเงินก้อนนี้ ปรากฏว่านายทวีวัฒน์ไม่ตอบ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าหากมีความคืบหน้าหรือจะต้องเดินทางไปพบกับหน่วยงานใดเพิ่มเติมค่อยมาว่ากันอีกครั้ง จากนั้นเดินฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นสะพานลอยข้ามไปฝั่งโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี เรียกแท็กซี่เดินทางกลับทันทีพ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า เบื้องต้นนายทวีวัฒน์ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน ต้องมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินสด 12 ล้านบาท ตำรวจส่งกล่องลังเงินไปให้กับกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบแล้ว อาจต้องใช้เวลาหลายวัน หลังจากนี้จะเรียกสอบเพิ่มเติม ส่วนจะเป็นใครจะต้องดูผลสอบปากคำนายทวีวัฒน์วันนี้อีกครั้ง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะนัดมาวันไหน เมื่อไหร่ ส่วนกรณี ป.ป.ช.ออกหนังสือจะตรวจสอบเงิน 12 ล้านบาทด้วยนั้นเป็นในส่วนของภรรยานายทวีวัฒน์ ไม่เกี่ยวกับประเด็นของที่ตำรวจดู อยู่คนละส่วนกัน“เรื่องปมเงิน 12 ล้านบาท ตำรวจโรงพักปากเกร็ดมีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่าเป็นเงินของนายทวีวัฒน์จริงหรือไม่เพียงประเด็นเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ต้องดูพยานหลักฐานที่นำมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบว่าเท็จจริงหรือไม่อย่างไร ส่วนหน่วยงานใดมีข้อมูลว่าเงินจำนวนนี้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นก็สามารถดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ หากจะขอข้อมูลทางโรงพักก็พร้อมยินดีสนับสนุนข้อมูลให้” ผกก.สภ.ปากเกร็ด กล่าวพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยทางโทรศัพท์ถึงการตรวจสอบเส้นทางเงินสด 12 ล้านบาทที่มีเอกสารระบุชื่อนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ว่า วันที่ 9 มิ.ย. เวลา 14.00 น. จะนัดตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มาร่วมประชุมหารือเรื่องดังกล่าวที่ บก.ปปป. เบื้องต้นทราบว่าตำรวจท้องที่เตรียมสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อคลี่คลายเรื่องนี้ สาเหตุที่ไม่นัดเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.มาร่วมประชุมด้วย เพราะเบื้องต้นทราบว่าภรรยาเจ้าของเงินทำงานอยู่ใน ป.ป.ช.ด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่