วันเสาร์สบายๆ วันนี้ไปคุยเรื่องสบายๆกันดีกว่านะครับ วันนี้เราจะคุยกันเรื่อง “สัตว์เลี้ยง AI” ซึ่งกำลังมาแรง ไม่น่าเชื่อนะครับ โลกเราวันนี้จะมีคนโสดขี้เหงาหลายพันล้านคน ข้อมูลสหประชาชาติระบุว่า ปี 2566 มีคนโสดทั่วโลกมากกว่า 2,120 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลกทั้งหมด ประเทศไทยก็มีข้อมูลจากสภาพัฒน์ระบุว่า ปี 2567 ไทยมีคนโสดที่อยู่คนเดียว 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด คิดเป็น 23.9% ถ้าเอาจำนวนประชากร 66 ล้านคนไปหารออกมา ประเทศไทยมีคนโสดราว 16 ล้านคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองและ เป็นวัยเจริญพันธุ์กว่า 50.9% มิน่าละประชากรไทยจึงลดลงทุกปีประเทศที่มีสัดส่วนคนโสดมากที่สุดในโลก ก็คือ เดนมาร์ก รองมา ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ เบลเยียม ส่วน สหรัฐฯก็มีคนโสดสูงถึง 40% ราว 136 ล้านคน จากประชากร 340 ล้านคน จีนก็มีคนโสดกว่า 400 ล้านคน จากประชากร 1,400 ล้านคน ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็น้อย ถ้านับเป็นจำนวนคนก็มากที่สุดในโลก “เศรษฐกิจคนโสด” หรือ Lonely Economy จึงเติบโตอย่างมากคนโสดแม้จะมีอิสรเสรี แต่ก็มี “ความเหงา” เข้ามาเป็นปัญหาชีวิต ความเหงาไม่ใช่ปัญหาปกติ แต่เป็น “โรค” ที่ต้องการการรักษา ในสหรัฐฯมีการประเมินกันว่า ค่ารักษาดูแลสุขภาพของคนเหงามีมูลค่าสูงถึง 6,700 ล้านดอลลาร์ต่อปี ประมาณ 220,000 กว่าล้านบาท ต่อปี ประเทศอังกฤษซึ่งมีคนเหงามากที่สุดประเทศหนึ่งมี “รัฐมนตรีความเหงา” (Minister for Loneliness) เพื่อดูแลคนเหงาโดยเฉพาะ เมื่อโลกมีคนเหงาเยอะ “เศรษฐกิจความเหงา” ก็รุ่งเรือง ปกติ “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” จะมาเป็นอันดับ 1 ที่คนโสดซื้อหามาเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา แต่ก็มีปัญหาสัตว์เลี้ยงขาดคนเลี้ยงและขาดเพื่อนในยามที่เจ้าของไม่อยู่มีข่าวใน “เว็บไซต์การเงินธนาคาร” รายงานเมื่อสองวันก่อนว่า “สัตว์เลี้ยง AI กำลังเติบโตในจีน ตอบโจทย์คนขี้เหงา แต่ไม่มีเวลาดูแลสัตว์จริง” โดยระบุว่า เศรษฐกิจความเหงาในจีนมีมูลค่าหลายแสนล้านหยวน โดยเฉพาะ “สัตว์เลี้ยง AI” มีการเติบโตปีละ 8% สัตว์เลี้ยงเอไอมาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ สามารถพูดคุยและตอบสนองกับเจ้าของได้ กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนโสดจีนอย่างมาก มีขนฟูนุ่มนิ่มน่าอุ้มน่ากอด ดวงตากลมโตกะพริบได้ มีผิวสังเคราะห์ที่ส่งผ่านความอบอุ่นได้ มีความขี้อ้อนเหมือนลูกแมวที่ต้องการความรัก ฯลฯสัตว์เลี้ยงเอไอ จะทำหน้าที่ปลอบใจเจ้าของในเวลาที่รู้สึกเหงาหรือวิตกกังวล แม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้เหมือนสัตว์จริง แต่สามารถตรวจจับคน อาหาร และวัตถุต่างๆด้วยกล้องดิจิทัลในตัว พร้อมตอบสนองเจ้าของด้วยการสบตา ส่งเสียง หรือแสดงท่าทาง นอกจากนี้ ยังมี “โหมดบุคลิกภาพ” ของสัตว์เลี้ยงเอไอถึง 8 แบบ สามารถพัฒนาได้ตามลักษณะการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของ เช่น หากเจ้าของปฏิบัติกับมันไม่ดี มันจะกลายเป็นสัตว์อารมณ์ร้าย ถ้าเจ้าของปฏิบัติต่อมันด้วยความอ่อนโยน มันก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเอไอที่น่ารักสัตว์เลี้ยง AI ที่กำลังโด่งดังในจีนมีชื่อผลิตภัณฑ์ว่า ROPET พัฒนาโดยบริษัท Cute World Technology ในกรุงปักกิ่ง โจวอวี่ซู่ ผู้ร่วมก่อตั้ง ROPET ร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศจีน อธิบายว่า สัตว์เลี้ยง AI ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับสัตว์เลี้ยงจริง ทั้งในเรื่องของการสัมผัสและการตอบสนอง สัตว์เลี้ยงเอไอส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการมนุษย์ แต่สัตว์เลี้ยงเอไอของเราต้องการสร้างบางสิ่งที่คนรู้สึกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ เสน่ห์ของ ROPET คือ มีความไวทางอารมณ์ มีความเรียบง่ายในการใช้งาน เป้าหมายลูกค้าคือผู้หญิงอายุ 25-40 ปีROPET เพิ่งเปิดตัวเดือนมกราคมนี้เอง มีขายในประเทศคนเหงา อาทิ จีน ยุโรป อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน ใครจะนำมาขายในเมืองไทยก็ได้นะครับ ปีหน้าเขาบอกว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในประเทศจีน รวมทั้ง สัตว์เลี้ยง AI สำหรับ เด็ก ด้วย.“ลม เปลี่ยนทิศ”