อดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม บินกลับไทยเข้ามอบตัวสู้คดีร่วมกันฟอกเงิน สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีทุจริตเงินทอนวัด หลังหนีซุกเยอรมนีนานนับ 7 ปี ตำรวจสอบสวนกลางนิมนต์เข้าถ้ำเสือสอบปากคำ 6 ชม.รวด เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหาก่อนยื่นเงินสด 4 แสนบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราวเดินทางกลับไปพำนักที่วัดพระยายัง ท่ามกลางพระสงฆ์และญาติโยมที่รู้จักมาต้อนรับ ก่อนเผยสมเด็จพระสังฆราชมีพระเมตตาให้กลับประเทศไทยมาช่วยทำงานให้พระพุทธศาสนาอดีตพระพรหมเมธีบินกลับไทยสู้คดีเงินทอนวัด เปิดเผยเมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีรายงานว่า พระจำนงค์ ธมฺมจารี อายุ 84 ปี อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาหนีหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงิน สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีทุจริตเงินทอนวัด เดินทางกลับสู่ประเทศไทยถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ในเวลา 06.25 น. หลังลี้ภัยอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีถึง 7 ปีจากนั้นได้ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง มีคณะพระภิกษุสงฆ์ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา และลูกศิษย์ใกล้ชิดต้อนรับ ต่อมาตำรวจสอบสวนกลางที่มารอรับได้นำพระจำนงค์มาพบคณะพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบปากคำรวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ถือเป็นการเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย มีลูกศิษย์และพระตามมาจำนวนหนึ่งมีรายงานว่าคณะพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำเกือบ 6 ชั่วโมง โดยอดีตพระพรหมเมธี ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาพร้อมยื่นเงินสด 4 แสนบาท ขอประกันตัวชั้นสอบสวน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี อนุญาตให้ประกันตัว จากนี้จะนำพิมพ์ลายนิ้วมือส่งตรวจที่กองทะเบียนประวัติตรวจสอบ ก่อนสรุปส่งให้อัยการต่อไปต่อมาเวลา 14.30 น. หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว พระจำนงค์หรืออดีตพระพรหมเมธี รีบเดินทางลงจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีคณะลูกศิษย์จอดรถตู้รอรับอยู่บริเวณลิฟต์ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ก่อนรีบเดินขึ้นรถแล้วขับออกไปที่วัดพระยายัง ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กทม. ซึ่งเป็นวัดที่สังกัดทันทีกระทั่งเวลา 15.00 น. อดีตพระพรหมเมธี เดินทางมาถึงกุฏิเจ้าจอมมารดาสาย วัดพระยายัง พร้อมกับพระเทพวัชรญาณกวี วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก พระโพธินันทมุนี วิ. (หลวงพ่อจิ๋ว) เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย มีพระสงฆ์ อาทิ พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน จ.เชียงใหม่และเจ้าอาวาสวัดต่างๆ บรรดาลูกศิษย์ ญาติโยมและผู้เลื่อมใสศรัทธาในอดีตพระพรหมเมธี เดินทางมาที่วัดจำนวนมากเพื่อรอถวายสักการะท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนจัดทันทีที่ลงจากรถบรรดาลูกศิษย์และญาติโยมต่างกรูเข้าหาอดีตพระพรหมเมธี นำพระพุทธรูป พวงมาลัย ดอกไม้ถวายมีหลายรายถึงกับน้ำตาไหลร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน จากนั้นบรรดาลูกศิษย์และญาติโยมนำน้ำมาล้างเท้าก่อนเข้ามาในกุฏิจุดธูปเทียนกราบไหว้ฟ้าดิน เสร็จแล้วพระภิกษุสวดชยันโตหรือเจริญชัยมงคลคาถาก่อนที่พระจำนงค์หรืออดีตพระพรหมเมธี เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ก่อนจะเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์และบรรดาญาติโยมเข้าพบพร้อมพูดคุยด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองอดีตพระพรหมเมธีกล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่สมเด็จพระสังฆราชมีพระเมตตาบอกให้กลับมาประเทศไทยมาทำงานให้พระพุทธศาสนาจึงตัดสินใจกลับ จากนี้จะไปกราบสมเด็จพระสังฆราช สักการะครูบาจารย์และอยู่เงียบๆ ทำงานให้พระพุทธศาสนาตามวาระและโอกาส ตนไปอยู่ต่างประเทศมา 2,557 วัน หรือ 7 ปี พอดีเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้สถานะผู้ลี้ภัยและไปขอคืนเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาสำหรับจุดเริ่มต้นการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2558 หลังตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯบางกลุ่มร่วมกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป มีอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามรวมอยู่ด้วย ทุจริตเงินอุดหนุนวัดต่างๆทั่วประเทศ เริ่มจากติดต่อไปยังวัดต่างๆ ยื่นข้อเสนอว่าต้องการเงินอุดหนุนหรือไม่ โดยจะมีเงินอุดหนุน 3 ส่วน คือ เงินอุดหนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและโครงการอื่นๆในวัดรวมไปถึงเงินอุดหนุนการศึกษาปริยัติธรรม แต่มีข้อแม้ว่า หากวัดได้รับเงินอุดหนุนไปแล้วจะต้องยอมทอนเงินบางส่วนกลับคืนให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเงินทอนวัด เมื่อวันที่ 24 พ.ค.61 ด้วยการเปิดฉากจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ และพระวัดต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันดังกล่าว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) มีพระบัญชา ปลดพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และเจ้าคณะภาค 10, พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม พ้นจากคณะกรรมการมหาเถร สมาคม ต่อมาวันที่ 30 พ.ค.61 โดนถอดออกจากสมณศักดิ์ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ด้วยปรากฏว่ามีกรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอนสมณศักดิ์ พระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา)จากการเปิดปฏิบัติการเงินทอนวัดของตำรวจกองปราบฯครั้งนั้น อดีตพระพรหมเมธีได้หลบหนีออกจากวัดก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุมโดยข้ามไปอยู่ที่ สปป.ลาว ต่อไปยังประเทศกัมพูชา และสุดท้ายบินไปประเทศเยอรมนี ขอลี้ภัยนานถึง 7 ปี กระทั่ง เดินทางกลับมามอบตัวสู้คดีในวันนี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่