รมต.ประสานเสียงให้เป็นอำนาจนายกฯปรับ ครม. “ภูมิธรรม” ยันรัฐมนตรี พท.ไม่มีหวั่นไหว เชื่อ “อิ๊งค์” กำลังประมวลข้อมูล คงมีดำริในใจแล้ว “จุลพันธ์” โบ้ยสื่อปล่อยข่าวโยกสลับ มท. “เผ่าภูมิ” ทำนิ่งมีชื่อหลุดเก้าอี้ รมช.คลัง “เพิ่มพูน” ชี้ปรับ ครม.ไม่ใช่ปฏิวัติ ยังไงก็ต้องคุยกันก่อน “หนิม” ออกตัวอย่าด่วนสรุปนายกฯฉุนสื่อ แค่ชี้แจงทำความเข้าใจ “โรม” ได้ทีซัดผู้นำพลิกวิกฤติเป็นหายนะ ศาล รธน. ตีตก “ณฐพร” อุทธรณ์สอย 138 สว. กลุ่มหลากสียื่น 5 หมื่นชื่อหนุนแพทยสภา อดีต สว.-อดีต สนช.ขอช่วยรักษาเกียรติภูมิ “แพทองธาร” ถกทีมบ้านพิษฯผลกระทบ ศก. ร่วมยินดีผลเลือก ปธน.เกาหลีใต้หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ากำลังอยู่ในช่วงของการประเมินเรื่องการปรับ ครม. และคิดอยู่ว่าจะปรับแบบไหนแล้วดีขึ้น ล่าสุดบรรดารัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลต่างออกมาส่งสัญญาณตรงกันว่าต้องรอ เพราะเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกฯเพียงคนเดียว“ภูมิธรรม” ยัน รมต.พท.ไม่หวั่นไหวเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีกระแสข่าวให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โยกไปนั่ง รมว.ศึกษาธิการ โดยพรรคเพื่อไทยยอมเพิ่ม 1 กระทรวงให้พรรค ภท.ว่า ยืนยันมาตลอดว่าเป็นเรื่องของนายกฯ เราต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำจนกว่าจะมีคำสั่ง หรือมีการปรับจริง ยืนยันรัฐมนตรีทั้งหมดโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรหวั่นไหว ตนตอนแรกมีข่าวว่าจะไปอยู่กระทรวงมหาดไทย จนหลายคนคิดว่าจะไม่ได้ทำงานที่กระทรวงกลาโหมแล้ว ตอนนี้บอกว่าเป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปมหาดไทย เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นั่งรับประทานอาหารอยู่กับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ คุยกันดีไม่มีปัญหาอะไร รอนายกฯดำริท่านคิดอยู่ในใจ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ “อยู่ที่นายกฯคนเดียว ถ้านายกฯบอกปรับ ครม. ภูมิธรรมออกไปอยู่พรรค ผมก็ต้องออก หรือภูมิธรรมย้ายไปกระทรวงไหนก็ต้องไป อยู่ที่เดิมก็ต้องทำหน้าที่ไป อยู่ที่ท่านนายกฯ”อยู่ในภาวะนายกฯประมวลข้อมูลผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯได้มาหารือบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มี ถ้าทำจริงคงมีการหารือ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในภาวะที่ท่านกำลังคิดเรื่องราวข้อมูลต่างๆอยู่ ยืนยันไม่มีหารือจริงๆ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลกันก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ยืนยันได้ว่ายังไม่มี เมื่อถามย้ำว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะเป็นการเซ็ตซีโร่ตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ทั้งหมด ไม่เหมือนข้อตกลงเดิมใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นความคาดหวัง หรือเป็นการคาดเดาของสื่อมวลชน เราไม่ได้คิดอะไรตามคำถาม เพราะไม่มีอะไร แต่ถ้าเริ่มมีการคิดการคุย แล้วมาถามว่าจะไปตรงนั้นตรงนี้ อันนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ยืนยันได้ว่าไม่มีโบ้ยสื่อปล่อยข่าวโยกสลับ มท.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ ครม.ทุกคนทำงานเต็มที่ นายกฯจะพิจารณาอย่างรอบด้านเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่ทราบว่าพิจารณาแล้วหรือไม่ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะดึงกระทรวงมหาดไทยกลับมาดูแลเอง จะเกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า ไม่มี ครม.พบปะกันอยู่เรื่อยๆ เจอนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่มีประเด็นการสลับปรับเปลี่ยนมาพูดคุย เป็นเรื่องที่สื่อได้ยินมา แต่ไม่รู้ว่าข้อสรุปสุดท้ายเป็นเช่นไร เมื่อถามย้ำว่ามีการระบุว่าจะให้นายอนุทินไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ นายจุลพันธ์ตอบว่า รายงานข่าวคือรายงานข่าวมีแค่ ใช้คำว่าแหล่งข่าว ยังไม่เห็นตัว จึงยืนยันไม่ได้ มั่นใจการปรับ ครม.ครั้งนี้จะไม่ทำให้เกิดรอยร้าวในรัฐบาล ทำงานราบรื่นกันอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด รายชื่อที่ออกมาสิบกว่าโผ ต้องมีถูกสักอัน เมื่อถามว่ามีชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถูกโยกไปนั่ง รมช.คลัง นายจุลพันธ์ตอบว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะขยับไปนั่งเป็น รมว.หรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า อย่าไปคิด ไม่มี ยังไม่มีข่าว ไม่มีอะไรเลย“เผ่าภูมิ” นิ่งหลุดเก้าอี้ รมช.คลังนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อหลุดจากตำแหน่ง รมช.คลังว่า เรื่องปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ ไม่สามารถไปก้าวล่วง ตอนนี้ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด “รัฐมนตรีทุกคนต้องทำงานให้ได้เต็มความสามารถ เมื่อถึงเวลานายกฯจะประเมินและหาจุดที่เหมาะสมที่สุด”“เพิ่มพูน” ชี้ปรับ ครม.ไม่ใช่ปฏิวัติพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการโยกสลับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย มานั่งควบ รมว.ศึกษาธิการแทนว่า ขออย่าตื่นตระหนกกับเรื่องการปรับ ครม. ต้องให้อำนาจนายกฯเป็นผู้ตัดสินใจ ประเด็นการปรับ ครม.ไม่ใช่เรื่องการปฏิวัติ ต้องมีการส่งสัญญาณมาให้ทราบก่อน ขอให้ทุกคนมีสติในการเสพข้อมูล ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ส่วนจะมีการหารือกับนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ทราบขออย่ารีบด่วนสรุปนายกฯฉุนสื่อที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิจารณ์ท่าที น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ไม่มีอะไรเป็นแค่การสัมภาษณ์ คนที่วิจารณ์อยู่ภายนอกไม่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นสถานการณ์ที่เป็นไป อย่าด่วนสรุป นายกฯไม่ได้มีอารมณ์แค่ชี้แจงทำความเข้าใจ การพูดคุยกันในลักษณะนั้นไม่อยากให้ปะทะ หรือถามตอบแบบโต้ตอบกัน ไม่ใช่ลักษณะการสัมภาษณ์ที่ดี เมื่อถามว่านายกฯสั่งการอะไรเพิ่มหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่าไม่ได้สั่ง“โรม” ซัดผู้นำพลิกวิกฤติเป็นหายนะนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีนายกฯในการตอบคำถามสื่อว่า ก่อนไปเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย. รัฐบาลควรสร้างอำนาจต่อรอง และต้องพูดมากกว่านี้ให้ประชาชนเห็นทิศทางและไว้ใจ ตอนนี้ประชาชนไม่เชื่อมั่น รัฐบาลต้องให้ความชัดเจนว่าสายสัมพันธ์ส่วนตัวจะไม่อยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ได้อยากตำหนิ เราอยากให้เกิดบรรยากาศทีมไทยแลนด์ แต่เมื่อวานท่าทีนายกฯเป็นท่าทีที่ไม่มีความเหมาะสม ควรใจเย็นกว่านี้ กำลังพยายามบอกให้สังคมใจเย็น แต่ท่านกลับไม่ใจเย็นตอบคำถามที่ผู้สื่อข่าว แทนที่จะใช้โอกาสนี้สร้างความชัดเจนกลับไม่ใช้ พลิกวิกฤติให้เป็นหายนะโดยไม่จำเป็นศาล รธน.ตีตกอุทธรณ์สอย 138 สว.ช่วงบ่าย สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ กรณีนายณฐพร โตประยูร และคณะ (ผู้ร้อง) ขอคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 36/2568 ลงวันที่ 9 เม.ย.2568 ที่สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีขอให้ สว. 138 คนพ้นสมาชิกภาพ และขอให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย กรณีมีพฤติการณ์เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย จากคดีฮั้วเลือก สว. และขอให้ทบทวนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว รวมทั้งขอให้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่องและเอกสารประกอบ มีลักษณะเป็นการขออุทธรณ์คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีบทบัญญัติให้บุคคลมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญผู้ร้องไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยรอเอกสาร สว.ร้อง “ภูมิธรรม-ทวี”ศาลรัฐธรรมนูญยังได้พิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภา ที่ส่งให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ คดีนี้ สว.เข้าชื่อเสนอคำร้อง กล่าวอ้างว่านายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวีมีมติให้กระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 51 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจ กกต. โดยใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำ สว. ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี จึงให้รอความเห็นและเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเรียกไปก่อนหน้านี้ยื่น 5 หมื่นชื่อหนุนมติแพทยสภาที่อาคารแพทยสภา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี นำรายชื่อแพทย์ทั้งจากจุฬาฯ ศิริราช รามาธิบดี รวมถึงศิษย์เก่าจุฬาฯ อดีต สว. รวมถึงประชาชนที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนมติแพทยสภา กว่า 52,300 คน ยื่นต่อแพทยสภาเพื่อเป็นกำลังใจก่อนมีการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้ มีมติลงโทษ 3 แพทย์ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา มีการวีโต้ พร้อมเสนอ 3 ข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1.ให้กรรมการแพทยสภาทุกคนเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง 2.ขอให้ไม่ลงมติ “งดออกเสียง” และ 3.ให้ลงมติลงโทษแพทย์ทั้ง 3 คน ตามมติเดิม นพ.ตุลย์กล่าวว่า เป็นการสนับสนุนที่ถูกต้อง ไม่ได้มีเนื้อหาทางการเมือง ตามที่คนฟากนายทักษิณกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง เชื่อว่าประชาชนทั่วไปรู้ว่าการออกใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ มีบทลงโทษอย่างไร หลังพบตัวแทนแพทยสภาท่านยืนยันว่าจะทำหน้าที่เที่ยงตรง เป็นธรรม ใช้หลักวิชาชีพเป็นหลัก ไม่มีการเมืองอดีต สว.-สนช.ขอรักษาเกียรติภูมิวันเดียวกัน กลุ่มอดีต สว. และอดีต สนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) นำโดย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ อดีตประธานกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา รวบรวมรายชื่ออดีต สว. อดีต สนช. ออก แถลงการณ์เรียกร้องให้กรรมการแพทยสภาลงมติยืนยันตามหลักวิชาชีพ ที่จะมีการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้ แถลงการณ์ระบุว่าการลงมติครั้งนี้จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 (หรือ 47 เสียง จากกรรมการทั้งหมด 70 คน) เป็นเงื่อนไขที่สูงและท้าทาย ทั้งยังเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองใกล้ชิด เนื่องจากผลการตัดสินใจจะส่งผลกระทบต่อความ น่าเชื่อถือของแพทยสภา และศักดิ์ศรีของวงการแพทย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต วิงวอนให้กรรมการฯทุกท่าน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง หลีกเลี่ยงการลาประชุม ยึดมั่นในเหตุผลเดิม ไม่คล้อยตามแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ตัดสินใจบนพื้นฐานของจรรยาบรรณวิชาชีพ รักษาเกียรติภูมิของแพทยสภาและวิชาชีพแพทย์ ทั้งนี้ ผลการลงมติจะสะท้อนถึงความเข้มแข็งของระบบวิชาชีพ ที่ต้องเป็นอิสระและอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง หรืออิทธิพลใดๆ“อภิสิทธิ์” ค้านหัวชนฝาทำกาสิโนอีกเรื่องที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา มี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม มีการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มาให้ความเห็นต่อนโยบายเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่สนับสนุนเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพนัน การนำขึ้นมาบนดินต้องมีกฎเกณฑ์ กติกากำกับ สิ่งที่ต้องจับตาคือเงื่อนไขคนไทยที่จะเข้าไปเล่นต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน ไม่ตอบโจทย์ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นผลักดันนโยบายนี้เป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับนโยบายอื่นๆ ที่อ้างสิงคโปร์ทำสำเร็จ คำนวณว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์ แต่ขนาดของ 2 ประเทศจะเอามาเทียบเคียงได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ สถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่งในโลกก็ไม่มีกาสิโน ทุกวันนี้เห็นการท่องเที่ยวที่สร้างโดยมนุษย์ใหม่ๆตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งเงินทุนจากกาสิโน“อิ๊งค์” ถกทีมบ้านพิษฯ ผลกระทบ ศก.ช่วงเช้าที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี (ทีมบ้านพิษณุโลก) ที่มีการประชุมเป็นประจำทุกวันพฤหัสบดี มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เข้าร่วมประชุมด้วย มีประเด็นหลักในการหารือคือผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบของประชาชนในพื้นที่หากมีการปิดด่านชายแดน จะมีผลดี ผลเสียอย่างไรบ้าง คณะที่ปรึกษาได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดท่าทีของไทยในเรื่องดังกล่าวต่อกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตสถานการณ์ และข้อมูลที่จะไปพูดคุยเจรจาเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐอเมริกา ก่อนจะครบกำหนด 90 วันร่วมยินดีผลเลือก ปธน.เกาหลีใต้ต่อมาเวลา 15.20 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความลง X แสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ มีเนื้อหาว่า“ขอแสดงความยินดีกับท่านประธานาธิบดี อี แจ-มย็อง ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ดิฉันพร้อมทำงานร่วมกับท่าน เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ที่มีมายาวนาน และเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของเราจะก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายใต้การนำของท่าน”