โฆษก อสส.เผยอัยการคดีพิเศษยื่นฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ สร้างอาคาร สตง.หลังใหม่ที่ถล่มแล้วในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ ในทุกข้อหาที่ดีเอสไอกล่าวหา ยกเว้น “ประจวบ ศิริเขตร” สั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหาในความผิดตามมาตรา 41 เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นกรรมการบริษัทฯ ส่วน “บิง ลิง วู” ผู้ต้องหารายที่ 6 ยังหลบหนีอยู่ระหว่างตามตัวภายหลังดีเอสไอเตรียมสรุปคดีฮั้วประมูลก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม โยงเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 ราย เอกชน PKW 6 ราย ส่ง ป.ป.ช.พิจารณาสัปดาห์หน้า ชี้พฤติกรรมผิดปกติชัด ร่วมกันล็อกสเปกเอื้อให้บริษัทพวกพ้องได้งาน รวมทั้งไม่มีวิศวกรตรวจสอบการก่อสร้างจริง หลังจากนั้นต้องรอ ป.ป.ช. พิจารณาจะดำเนินการเอง หรือส่งกลับมาให้ดีเอสไอสอบสวนต่อให้แล้วเสร็จ ตามที่เสนอข่าวไปนั้นล่าสุดอัยการคดีพิเศษสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องคดีนอมินีแล้ว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษจะสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา นอมินีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่เกิดเหตุอาคารถล่มลงมาทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากนายศักดิ์เกษมกล่าวว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 โดยนายชวนหลิง จาง กรรมการผู้มีอำนาจ กระทำการแทนกระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่าฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง สั่งฟ้องนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งยินยอมและรู้เห็นเป็นใจกับการให้ผู้มีสัญชาติไทยกระทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดโฆษก อสส.กล่าวต่อว่า สั่งฟ้อง นายโสภณ มีชัย ผู้ต้องหาที่ 3, นายประจวบ มีเขตร ผู้ต้องหาที่ 4 และนายมานัส ศรีอนันท์ ผู้ต้องหาที่ 5 กระทำความผิดฐานเป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังสั่งฟ้องนายโสภณ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายมานัส ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานเป็นกรรมการ หุ้นส่วนหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งยินยอมและรู้เห็นเป็นใจกับการให้ผู้มีสัญชาติไทยกระทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิด และสั่งไม่ฟ้องนายประจวบ มีเขตร ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดนี้เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นกรรมการบริษัทนายศักดิ์เกษมกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้อัยการจะเห็นควรสั่งฟ้องนายบิง ลิง วู ผู้ต้องหาที่ 6 ฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่าฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง, เป็นคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดห้ามไว้ท้ายพระราชบัญญัติ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีไม่อาจทำสำนวนพร้อมตัวส่งฟ้องศาลในวันนี้ได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่