จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหัวเว่ย จับมือผลักดันระบบนิเวศนวัตกรรม AI และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ICT การออกแบบหลักสูตรร่วมด้าน AI, Cloud, Big Data, IoT และ Digital Leadership รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจุฬาฯสู่ Smart Campus เต็มรูปแบบในอนาคตศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า เพื่อสอดรับกับนโยบายการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล ภายใต้เป้าหมายผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ของอาเซียน ภายในปี 2570 หัวเว่ยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันผลักดันระบบนิเวศนวัตกรรม AI และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ICT การออกแบบหลักสูตรร่วมด้าน AI, คลาวด์ Cloud, บิ๊กดาต้า (Big Data) หรือการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่, IoT (Internet of Things) และผู้นำดิจิทัล หรือ Digital Leadership รวมถึงการสนับสนุนกระบวนการปรับเปลี่ยนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะหรือ Smart Campus อย่างเต็มรูปแบบในอนาคตด้วย โดยหวังว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการศึกษา จะช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรพร้อมสำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่โดยความร่วมมือครั้งนี้จะใช้ประโยชน์จาก 4 เสาหลักของ Huawei ASEAN Academy (Thailand) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรอย่างรอบด้าน ได้แก่ 1.Business School for Leaders เสริมสร้างความเป็นผู้นำดิจิทัลให้กับผู้บริหารในอนาคต 2.Technical School for Creators ฝึกฝนทักษะด้าน AI, Cloud และเทคโนโลยีเกิดใหม่ 3.Engineer School for Practitioners ยกระดับความสามารถเชิงปฏิบัติสำหรับวิศวกร 4.Digital Inclusion for Users ส่งเสริมการเข้าถึงและการรู้เท่าทันดิจิทัลในวงกว้าง นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลย่ี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตเร็วกว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP กว่า 3 เท่า ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G คลาวด์ และ AI จะช่วยให้แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็ก เช่น เกษตรกร ก็สามารถอยู่รอดในยุคนี้ได้ ทั้งนี้ ในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะขยายตัว 7.3% ภายใต้นโยบาย Growth Engine of Thailand มุ่งเสริมศักยภาพทางดิจิทัลของประเทศ ควบคู่กับการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย และพัฒนาบุคลากรดิจิทัลที่มีทักษะสูง โดยขับเคลื่อนผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ดิจิทัลหลักของรัฐบาล ได้แก่ 1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้แข็งแกร่ง ด้วยนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First), การยกระดับบริการภาครัฐ และการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ 2.สร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน 3.พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล ด้วยการยกระดับทักษะประชาชน 10 ล้านคน ฝึกอบรมบุคลากรดิจิทัล 90,000 คน และสร้างนักพัฒนา AI 50,000 คน ภายใน 2 ปี.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม