ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินีก่อสร้างอาคาร สตง.แล้ว ส่งสำนวน 17,620 แผ่น 46 แฟ้ม พร้อมความเห็นให้อัยการคดีพิเศษพิจารณา เชื่อสำนวนครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ถ้าอัยการต้องการให้สอบเพิ่มส่วนไหน พร้อมดำเนินการให้เต็มที่ ส่วนการดำเนินคดีกับข้าราชการและผู้บริหาร สตง.ส่งสำนวนการสอบสวนให้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว รอตัดสินใจส่งสำนวนให้ดีเอสไอดำเนินการต่อ หรือ ป.ป.ช.จะดำเนินการเอง ส่วนการคลี่คลายคดีอาคาร สตง.ถล่มของคณะทำงานนครบาล รอคำให้การของผู้ต้องหา 17 คนลอตแรกอยู่ หลังขอเพิ่มเวลาส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรไปอีก 7 วัน สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ค.ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี อาคาร สตง.ถล่มจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 พ.ค. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 32/2568 สรุปสำนวน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เสนออัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วยกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 คน คือ นายประจวบ ศิริเขตร นายโสภณ มีชัย และนายมานัส ศรีอนันท์ ทั้ง 3 คน ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว กรรมการชาวจีน 1 คน คือ นายชวนหลิง จาง อยู่ในเรือนจำ และนายทุนชาวจีน 1 คน อยู่นอกโครงสร้างบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯคือ นายบินลิง วู คดีนี้มีพยานเอกสารกว่า 17,620 แผ่น จำนวน 46 แฟ้มร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ กล่าวว่า วันนี้สรุปรายละเอียด คดีพิเศษที่ 32/2568 เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ในส่วน ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 37 และ 41 นำสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษบ่ายวันนี้ พร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 คน ยังหลบหนี 1 คน คือ นายบินลิง วู เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย มั่นใจว่าอีกไม่นานจะได้ตัวมาดำเนินคดี ส่วนจะมีใครให้ความคุ้มครองอยู่หรือไม่ เรายังไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้ หลังจากดีเอสไอส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องแล้ว พนักงานอัยการเห็นว่ามีประเด็นที่อยากมอบหมายให้ดีเอสไอ สอบสวนเพิ่มเติม เราจะรับไปดำเนินการตามคำสั่งของอัยการ แต่ดีเอสไอมั่นใจว่าเนื้อหาที่สอบสวนมา ครบถ้วน พนักงานอัยการมีเวลาพิจารณาเนื้อหา 1 ฝาก หรือ 12 วัน“ในส่วนของ 17 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ดีเอสไอจะแยกทำสำนวนต่อไป เนื่องจากมีผู้ต้องหาชาวไทย 3 คน ไปถือหุ้น ในบริษัทอื่นในลักษณะคล้ายกัน ทำให้ดีเอสไอต้องเร่ง ดำเนินการให้เสร็จสิ้น คาดว่าจะแยกเป็นอีกหนึ่งคดี พิเศษเพื่อตรวจสอบ 17 บริษัทเหล่านี้ ต้องไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการที่บริษัทเหล่านี้ประมูลไป ส่วนกรณีดีเอสไอประสานข้อมูลสัญญา 3 ฉบับ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไปยัง ป.ป.ช.คาดว่าจะส่งรายละเอียดให้ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงประสานความร่วมมือต่อเนื่อง เพราะเป็นคดีที่กล่าวหาองค์กรอิสระและเจ้าหน้าที่รัฐ เบื้องต้นเกี่ยวข้องกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันในส่วนตำแหน่งหน้าที่” ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวรองอธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษคดี สตง. ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในราชการปัจจุบันรวมอยู่ด้วย ส่วนจะมีผู้บริหารที่เกษียณไปแล้วหรือไม่ตนขอไม่ลงลึกในรายละเอียดในสำนวน ก่อนหน้านี้เรากล่าวหาในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีบทบาทควบคุมงาน 6 คนส่งไปยัง ป.ป.ช.แล้ว จึงทำให้เวลานี้ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่อง เกี่ยวข้องกัน และตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 30 กำหนดให้ดีเอสไอต้องส่งสำนวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐให้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เวลา 14.00 น. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายประจวบ ศิริเขตร นายโสภณ มีชัย นายมานัส ศรีอนันท์ นายชวนหลิง จาง และนายบินลิง วู ผู้ต้องหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 37 และ 41 กรณีเป็นนอมินีเข้าไปมีส่วน เกี่ยวข้องกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในโครงการก่อสร้างอาคาร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่เกิดถล่มลงมาทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก มีสำนวนสอบสวน 17,620 แผ่น รวม 46 แฟ้ม มอบให้แก่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณายื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไปด้านความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดีของ คณะทำงานกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หลังแจ้งข้อหาส่งฟ้องผู้ต้องหาลอตแรกไปแล้ว 17 คน เป็นกลุ่มบริษัทผู้รับเหมา ผู้ออกแบบก่อสร้าง วิศวกร และผู้ควบคุมงาน อยู่ระหว่างขยายผลเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง ลอต 2 มีรายงานวันเดียวกันว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกรณี น.ส.นารากร ติยายน พิธีกรชื่อดังฐานะผู้กล่าวหา มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนปัจจุบัน และ นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ลงนามในสัญญาว่าจ้างก่อสร้างอาคาร สตง.ใหม่ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ ปี 63 ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พนักงานสอบสวนนครบาลสอบปากคำเพิ่มเติมไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค.นอกจากนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างรอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้น และยังรอคำให้การเพิ่มเติมของผู้ต้องหาอีก 5 คน คือ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายชวนหลิน จาง กรรมการบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ นายอนุวัต คันสร และนายธิปัตย์ รัตนวงศา วิศวกรโครงสร้างบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ที่ขอขยายเวลาส่งคำให้การเป็นเอกสารอีก 7 วัน เป็นวันที่ 30 พ.ค. เมื่อได้เอกสาร พยานหลักฐานครบทั้งหมดแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะนำมาพิจารณาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่