โควิด-19 ในไทยพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่กว่า 5.3 หมื่นราย จำนวนนี้นอน รพ. 2.8 พันราย ตายเพิ่มอีก 5 ศพ รวมตั้งแต่ต้นปี 2568 มีผู้ป่วยสะสมกว่า 1.87 แสนคน ตายสะสม 46 ศพ กรุงเทพฯยังเป็นแชมป์ติดเชื้อสูงสุด ตามด้วยชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี และระยอง โดยสายพันธุ์ JN.1* พบมากสุดในไทย ขณะที่ สปสช.แจงแนวทางดูแลผู้ป่วยโควิดฯสิทธิบัตรทองรับยาที่ร้านหรือพบหมอออนไลน์ผ่าน 3 แอป ย้ำ “เจอ แจก จบ” ยุติให้บริการแล้วผ่านสัปดาห์ที่ 21 ของปี 2568 (วันที่ 18-24 พ.ค.) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในไทยยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เวลา 14.00 น. เว็บไซต์กรมควบคุมโรครายงานว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วงวันที่ 18-24 พ.ค. เป็นรายใหม่ 53,596 คน แยกเป็นผู้ป่วยนอก 50,765 คน ผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาล 2,831 คน เสียชีวิตเพิ่ม 5 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-24 พ.ค.2568 อยู่ที่ 187,037 คน เสียชีวิตสะสม 46 คนสำหรับจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 9,575 คน ชลบุรี 3,380 คน สมุทรปราการ 2,491 คน นนทบุรี 2,280 คน ระยอง 2,210 คน โดยกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ โดยกลุ่มอายุ 30-39 ปี จำนวน 10,746 คน กลุ่มอายุ 20-29 ปี จำนวน 9,534 คน กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 8,112 คน ส่วนกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-4 ปี มีจำนวน 4,085 คนด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์การระบาดของโรคโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยอดสัปดาห์ที่ 21 คงต้องรอการปรับข้อมูลอีก หากสังเกตจากสัปดาห์ก่อน อาจเพิ่มไปเกือบ 2 เท่าของยอดที่รายงานปลายสัปดาห์ ด้วยตัวเลขขณะนี้ แนวโน้มการระบาดดูจะขยายตัวมากขึ้น เพราะแค่ปลายสัปดาห์ก็พุ่งเกินห้าหมื่นไปแล้ว ต้องตระหนักว่ายิ่งติดเยอะ ยิ่งตายเยอะ การป้องกันตัวมีความสำคัญมาก หากติดเชื้อ ป่วย ควรมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว คนใกล้ชิด และสังคม แยกตัว รักษาให้หายดี ก่อนไปคลุกคลีกับคนอื่น เจ้าของกิจการและผู้บริหาร รวมถึงบุคลากรที่ทำงานในโรงเรียน สถานศึกษา สถานพยาบาล และสถานบริการต่างๆ ควรช่วยกันดูแล ป้องกันการแพร่เชื้อติดเชื้อ และจัดระบบดูแลผู้ที่ป่วยให้ถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการแพทย์ขณะที่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังสายพันธุุ์์โควิด-19 ว่า สายพันธุ์ JN.1* ยังเป็นสายพันธุ์หลัก คิดเป็นสัดส่วนสะสมร้อยละ 63.92 ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่พบในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ภาพรวมทั่วโลกที่ยังคงมี JN.1* เป็นสายพันธุ์หลัก สำหรับสายพันธุ์ XEC พบแนวโน้มลดลง คิดเป็นสัดส่วนสะสมร้อยละ 3.07 ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก ส่วน LP.8.1* (สายพันธุ์ย่อย KP.1.1.3) เริ่มพบในประเทศไทยช่วงเดือนมกราคม 2568 ขณะนี้มีอัตราลดลงเช่นกัน โดยสัดส่วนสะสมที่พบยังน้อยกว่าร้อยละ 10นอกจากนี้ กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยแนวทางโทร. จ่าย จบคือ โทร.มาที่สายด่วน สปสช.1330 จะได้รับรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมให้ผู้ป่วยติดต่อไปเพื่อรอรับยาที่บ้านนั้น ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ชั่วคราวในช่วงที่มีการระบาดใหญ่เมื่อปี 2565 ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขคือ เจอ แจก จบ ไม่ใช่โทร. จ่าย จบ ตามที่มีการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว และแนวทางนี้ได้ยุติการให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2565 แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนแอดไลน์ OA หรือ LINE OFFICIAL ของ สปสช. ไว้ (ไลน์ไอดี @nhso) หากมีข้อสงสัยสามารถไลน์สอบถาม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในโลกออนไลน์รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลตามขั้นตอนปกติของแต่ละสิทธิการรักษาพยาบาล เนื่องจากโรคโควิด-19 ได้ลดความรุนแรงลง ส่วนใหญ่พบมีอาการป่วยเล็กน้อยในกลุ่มสีเขียว ในส่วนของ สปสช.ที่ดูแลประชาชนสิทธิบัตรทอง 30 บาท กรณีที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ ขณะเดียวกัน สปสช.ยังเพิ่มความสะดวกให้ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มไม่มีอาการหรือเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถรับบริการปรึกษาเภสัชกรและรับยาตามอาการได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วม โดยสังเกตจากสติกเกอร์ 30 บาทรักษาทุกที่ หรือสติกเกอร์ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมได้ที่ https://wdrugapi.nhso.go.th/public/ เลือกประเภทร้านยาเจ็บป่วยเล็กน้อยนอกจากนี้ ยังสามารถรับบริการด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พบแพทย์ออนไลน์ รอรับยาจัดส่งถึงบ้านได้ผ่าน 3 แอปพลิเคชัน ดังนี้ 1.แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @clicknic 2.แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @mordeeapp ลงทะเบียนรับบริการได้ที่นี่ https://form.typeform.com/to/qKY8gV4X และ 3.แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @smdthailandอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่