ต้นเดือนพฤษภาคมดาวราหูย้ายราศี ต่อด้วยดาวพฤหัสย้ายเรือนสถิตในปลายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ดาวเสาร์ที่ถือเป็นดาวสุดท้ายในหมู่ดาวตรีเทพก็เพิ่งย้ายวงโคจร3 ดาวตรีเทพ เคลื่อนย้ายพร้อมกันในเดือนเดียว ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในศาสตร์ของจักรราศีตามตำราโหราศาสตร์ถือเป็นห้วงเวลาคาบลูกคาบดอก ดี ร้ายโดยความเชื่อของชาวไทยสายมู แห่ทำบุญสวดนพเคราะห์กันขนานใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างความอุ่นใจว่าอยู่รอดปลอดภัย จากอิทธิพลการเคลื่อนของ 3 ดาวสำคัญผลสะท้อน หนัก เบา ลุ้นกันหนัก เล่นเอาป่วนทั้ง 12 ราศีที่แน่ๆไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กับเหตุเกิดกับคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองระดับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่เกิดอุบัติเหตุลื่นตกบันได วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)กลิ้งโคโล่ ขาลอย หงายท้องไม่เป็นท่าในขณะเป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์มงคล เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ในโอกาสดาวพระเสาร์ย้าย เดชะบุญที่ไม่ได้รับอันตราย แค่เคล็ดขัดยอก ยังโชว์เดินออกกำลังกายได้อิทธิพลความแรงของดาวเสาร์ขยับเปลี่ยนองศา เล่นเอา “ทหารเฒ่า” ผู้ยิ่งใหญ่ยังกลิ้งไม่เป็นทรงลางดี ลางร้าย ขาใหญ่วงอำนาจการเมือง ผวาไปตามๆกันและนั่นยังล้อตามคำทำนายของโหรหลายสำนัก ตามดวงชะตากรุงรัตนโกสินทร์ ดาวพระเสาร์ถือเป็นตัวแทนของการบริหารราชการแผ่นดิน หรือตัวแทนรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรีโดยรวมไปยันรัฐสภาส่อเค้าลาง “เปลี่ยนแปลงใหญ่” ในเกมอำนาจประเทศไทยในจังหวะสอดรับกับฉากตะลุมบอน “นิติสงคราม” เข้าโซนประจัญบานแตกหัก สัญญาณธงจาก “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” เร่งเกมล้มกระดาน “สว.น้ำเงิน” ในคาถาของ “เจ้าพ่อเขากระโดง”“ทักษิณ ชินวัตร” กับ “เนวิน ชิดชอบ” ไม่มีไว้ไมตรีกันอีกแล้วครับนายศึกสนิมเนื้อในรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร เลยจุดละครน้ำเน่าการเมือง บทตบจูบหลอกตาชาวบ้าน ล่อกันเลือดสาดออกมานอกจอ เมื่อแนวรบห้ำหั่นกันด้วยข้อกฎหมาย คดีร้ายแรง โทษหนัก หวังผลถึงขั้น “ยุบพรรค”เล่นแรงถึงขั้นขุดรากถอนโคน เอาให้สูญพันธุ์กันไปข้างตามยุทธการล้างบาง “สว.โพยฮั้ว” ที่ไฟไหม้ลุกลามถึงค่ายเซราะกราว จากการที่นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง อดีต สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยสวมบทหน่วยกล้าตาย กดรีโมตระเบิดถล่มค่ายภูมิใจไทยแฉกลางวงคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดตัวละครเบื้องหลังขบวนการจัดตั้ง “สว.น้ำเงิน” ที่อ้างว่า ตัวเองมาดักรอขอคะแนน ร่วมรับรู้เกมล็อบบี้ถึงในสภาลากชนวนไปโยงนางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย และสาวลึกไปถึง “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจังหวะเหมือนส่งลูกเข้าทางนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลุยซัลโวตามน้ำ หอบแฟ้มเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญลงดาบฟัน ประหารค่ายเซราะกราวอ้างพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ คนของพรรคภูมิใจไทยมีการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ในการทำให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เอี่ยว “โพยฮั้ว ส.ว.” ไม่ปลอดจากการครอบงำพรรคการเมืองตามท้องเรื่อง นายณฐพรและนางกุสุมาลวตี แม้ไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่โดยจังหวะเกมไล่บี้ไล่ต้อนค่ายเซราะกราวเข้าเหลี่ยมล้างกระดานหนีไม่พ้นโดนเชื่อมโยงเป็นทีมสังหาร รับงาน “นายใหญ่”โดยเฉพาะอาการรุกแรงๆของนายณฐพรที่ชิงแฉดักทาง เปิดอักษรย่อ “2 ส” หนึ่งคือนายพลคนมีสีผู้มากบารมี กับอีกหนึ่งคือนักธุรกิจใหญ่จะยุ่มย่ามเป่าคดี “โพยฮั้ว สว.” กับ “ยุบค่ายเซราะกราว” ทำให้สะดุดณ จุดที่ข้ามช็อตไปดักคอตีกัน “อำนาจนอกเหนือการเมือง” ตีปี๊บประจาน “พลังแบ็กอัป” ที่ถือหางฝั่งเกรียน 2น. “เนวิน–อนุทิน”ฉวย “เหลี่ยมตีกิน” โดยกระบวนการไล่บี้ “โพยฮั้ว สว.” ที่มาถึงขั้นยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ข้ามช็อตจากที่ กกต.และดีเอสไอไล่เบี้ยส่งหมายเรียกสอบ 138 สว.ในข่ายร่วมกระทำผิดมาสอบสวนที่ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะส่งไปถึงศาลวินิจฉัย ลุ้นผลออกหัวออกก้อยณ จุดนี้ก็ยังเป็นแค่มุกโหมโรง ตามลีลาโคตรเซียนการตลาดในการเดินหมากนิติสงคราม ฟ้องร้องเล่นกระแส ชิงพื้นที่ข่าว กดดันฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางสถานการณ์ที่ฝั่ง “ทักษิณ” ตกเป็นรองด้าน “พลังแบ็กอัป”ที่มีผลแล้วชัดๆก็คือศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ม้าใช้ข้ามค่าย” อย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อย่าง “จำเพาะเจาะจง” ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลดีเอสไอและรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษล็อกขอบเขต ไม่ให้ยุ่มย่ามกับคดี “โพยฮั้ว สว.”ตามรูปเกมที่ฝั่งทีมเซราะกราวออกลูกเกรียนเยาะเย้ย “สว.โพยฮั้ว” พ่นภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน หลอกล่อนักข่าว พร้อมสวนด้วยหมัดหนักๆยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่ง กกต.กับดีเอสไอยุติการสอบ สว.โพยฮั้ว อ้างก้าวก่ายสภาสูงต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธหนัก เล่นแง่กฎหมายถล่มกันไม่ยั้งเดิมพันสถานการณ์ ลุ้นเงื่อนไขคดีความใครจะ “พัง” ก่อนโดยเงื่อนไขบีบ “นายใหญ่” ต้องโหมเร่งเครื่องบุกทุบเกรียน 2 น.ให้หมอบให้ได้ ในขณะที่ตัวเองส่อหมดสภาพกับวิบากกรรมปม “วีไอพี ชั้น 14” ที่ใกล้กำหนดนัดหมายศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน 13 มิ.ย.นี้“มติแพทยสภา” ข้อมูลจรรยาบรรณแพทย์มืออาชีพน่าจะมีผลเต็มๆกับรูปคดีกลายเป็นเผือกร้อนในมือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ที่ตั้งท่า “วีโต้” มติของแพทยสภาก็ต้องวัดดวงวัดใจกับเสียงขู่ เสียงโห่ ระวังคุกมาตรา 157กดดันจอมเขี้ยวต้องคิดหนัก ขืนลุยถั่วมั่วเกมเสี่ยง พลาดถึงคุกยิ่งเป็นอะไรที่ชัดโดยสถานการณ์ “ภูมิต้านทานตก” สดๆร้อนๆศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้คลังหลวง “10,028 ล้านบาท” จากคดีประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตอกหมุด “จำนำข้าว” เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างหนักแก่ทางราชการ“สัญญาณลบมาเต็มเกจ์” โอกาสที่ “นายใหญ่” จะอุ้ม “น้องสาว” กลับประเทศไทย โดยไม่มีพันธนาการทางคดี เป็น ไปได้ยาก ถึงขั้นยากมากโดยวิบากกรรมคดีเก่าไล่ล่า ทั้งอา ทั้งพ่อ ต่างตกที่นั่งลำบากแรงกดดันน่าจะเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณตกอยู่กับ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ที่บินไปประเทศอังกฤษ ทำผู้คนในสังคมงงๆ เพราะไม่มีหมายในการพบปะหารือความเมืองกับตัวแทนรัฐบาลเมืองผู้ดีเหมือนอาศัยโอกาสหนีไปพักจากการบริหารที่ไม่ขยับขับเคลื่อนเดินหน้าเศรษฐกิจจมปลัก ลากไม่ขึ้น ถึงจุดที่พรรคเพื่อไทยยอมโดนด่า เบี้ยวเทกระจาดเงินหมื่นเฟส 3 อ้างจะเอาเงินมาหมุนสู้วิกฤติสงครามการค้า แต่ไปๆมาๆโดน “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล แม่ทัพเศรษฐกิจ พรรคประชาชน กับ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม.ค่ายส้ม ไล่ตามจับโป๊ะแตกแฉมติ ครม. “ตุกติก” แปรงบฯ ให้หน่วยราชการทำแผนขอเอี่ยวเค้กก้อนมหึมา ภายใน 3 วันพิลึกพิลั่น “เร่งจนส่อพิรุธผลาญเงิน” ในห้วงวิกฤติคว่ำตายหงายเป็น ปากท้องชาวบ้านอยู่ในอันตราย นักการเมืองไม่วายฉวยเหลี่ยมละเลงงบ 1.57 แสนล้านบาท ฟาดหัวคิวในหมู่เสือหิว เสือโหย แบ่งกันกิน“เป็ดง่อย” กินจุ ภายใต้การจิกตีกันเองในเข่ง รัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมเกมการเมืองชิงผลประโยชน์ มาก่อนการบริหารปากท้องชาวบ้านที่แน่ๆ อารมณ์เหมือนได้กลิ่นแปร่งๆหรือไม่ “สหายใหญ่–บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์นักข่าวหมาดๆ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี รัฐประหารปี 2557ไม่กล้ายืนยันประเทศไทยจะไม่เกิด “แอ่นแอ๊น” หมดยุคปฏิวัติท่ามกลางบรรยากาศชวนอึดอัด นักการเมืองตะลุมบอนกันเละ ศึกนิติสงครามทำอำนาจรัฐบาลติดล็อก ลากประเทศไทยเข้าภาวะ failed state รัฐล่มสลาย ป้วนเปี้ยนเข้าโซน “วงจรอุบาทว์”โอกาสโดนน็อก ทั้ง “แดง–น้ำเงิน” อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม