ประเทศไทยมักจะเกิดวิกฤติการเมืองอยู่ในสองช่วงเวลาคือ เดือน พ.ค.–ต.ค.–พ.ย. ไม่ยุบสภาก็ลาออก ไม่ลาออกก็มีการยึดอำนาจ เป็นช่วงจังหวะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นช่วงที่ดวงเมืองมีความขัดแย้งทางการเมืองทางสังคมจนกลายเป็นความขัดแย้งของประเทศ เสียเลือดเสียเนื้อระหว่าง สีแดงกับสีน้ำเงิน ลงมือปะทะกัน ชนิดไม่เหลือทางถอยอีกต่อไป ลงลึกเป็นนิติสงคราม รบกันถึง ระดับแม่ทัพ แตกหักกันไปข้างใดก็ข้างหนึ่ง และในที่สุดก็เป็นวิกฤติการเมืองจนได้ คดีฮั้วเลือก สว. เล่นกันจนถึงฎีกา เอากระบวนการกฎหมายมาจับเอาองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญมาตัดสินชี้ขาด ร้องยุบพรรคการเมือง โชว์หลักฐานเด็ดการฮั้วเลือก สว. มัดไปจนถึงระดับรัฐมนตรี และเจ้าของพรรค ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอย ก็เสียคนถ้าจะประเมินว่า เป็นการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองทั้งสองขั้ว ลงตัวสมประโยชน์ก็จบ ปล่อยให้ข้าราชการเป็นแพะรับบาป ก็น่าจะเลยจุดนั้นไปแล้ว เพราะคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ รมว.ยุติธรรม หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับบัญชากรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นแค่การจุดชนวนเริ่มต้นเท่านั้น หรือถ้าจะเถียงว่าเป็นเรื่องคดีความไม่เกี่ยวกับการเมืองเป็นเรื่องของกฎหมายล้วนๆ การเมืองก็ยังร่วมรัฐบาลกันต่อไป แต่ถ้ารัฐบาลประกอบไปด้วยพรรคร่วมรัฐบาลที่มีความหวาดระแวง มีแผลในใจ จะสามารถทำงานได้ราบรื่นหรือไม่คงไม่ต้องตอบคำถามนี้แล้วจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายจะเอาเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมนี้เป็นกฎหมายเร่งด่วน ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาลอื่นที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียจะเห็นด้วยหรือไม่ โดยมรรยาทแค่งดออกเสียงก็จบแล้ว ยังมีด่าน สว. ที่ประกาศชัดเจนอยากให้มีการทำประชามติก่อนที่จะนำกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา ตั้งด่านสกัดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ให้ผ่านไปได้แน่นอน ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ไม่น่ามีปัญหาเพราะเป็นของส่วนรวมแล้วจะมีทางออกอย่างไร ในการผ่าทางตันของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เอาภูมิใจไทยออกก็ไม่ใช่คำตอบ หรือจะเอา สส.พรรคประชาชน มาสนับสนุน (เอาเฉพาะ สส.ไม่เอาพรรค) ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นอกจากภูมิใจไทย ยังมีรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ที่พร้อมจะพลิกขั้วได้ตลอดเวลา 141 เสียงของเพื่อไทย กับ 25 เสียงของกล้าธรรม 9 เสียงของประชาชาติ รวมแล้วก็ยังไม่ถึง 250 เสียง ถ้าประเทศไทยจะปกครองโดยรัฐบาลเสียงข้างน้อย สส.-สว.ในสภามีจำนวนไม่ครบองค์ตามรัฐธรรมนูญ คงเป็นประเทศที่ไม่สมบูรณ์ที่น่าวิตกกว่าการเมือง เศรษฐกิจก็หนักหนาสาหัสอาจไม่ถึงขั้นเผาจริงเหมือนช่วงวิกฤติค่าเงินบาทหรือต้มยำกุ้ง หรือการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่จะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจจากสงครามการค้าในระยะยาว การเมืองยังติดกับดักวงจรอุบาทว์ ถอนตัวไม่ขึ้น สุดท้ายก็ต้องผ่าทางตันวิกฤติประเทศด้วยอำนาจากปลายกระบอกปืนวันยังค่ำ.หมัดเหล็ก