ไล่ขยี้หายใจรดต้นคอไม่ลดละคิวที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดีฮั้วเลือก สว. ที่มีทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไล่แปะหมายเรียก 53 สว. ให้มารับทราบข้อกล่าวหาคดีทุจริต ฮั้วเลือก สว. ภายใน 15 วันหมายเรียก สว.ปลิวว่อน ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด จู่โจมติดหมายบ้านเหล่าบิ๊กเนม ทั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา เหล่าตัวจี๊ด ตัวตึง โดนกันถ้วนหน้าข้อกล่าวหามาตามนัด ไม่ใช่แค่ข่าวโคมลอยเหมือนที่แก้ต่างในตอนแรกกระบวนการทุบ สว. เร่งเครื่องเต็มสูบ เหล่า สว.สีน้ำเงินต้องลุ้นตัวโก่ง หาพยานหลักฐานไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในชั้น กกต. จะมีน้ำหนักรับฟังขึ้นหรือไม่เกมทุบอาณาจักร สว.สีน้ำเงิน ยกระดับความเข้มข้น โชว์ฉากบู๊วัดพลังเกมอำนาจประเทศไทยแนวรบค่ายแดง-น้ำเงิน ยังไม่ผ่อนดีกรี สลับกันเพลี่ยงพล้ำ ล่าสุดสถานการณ์ค่ายเซราะกราวน่าห่วง อาจต้องเปิดดีลเจรจา ต่อรองหาทางลงเพราะคงไม่ได้หนาวๆร้อนๆอยู่แค่ สว. แต่อาจติดร่างแหไปถึงระดับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี และแกนนำระดับสูงจากพรรคการเมืองใหญ่ ตามกระแสข่าวหนาหูคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ มีหลักฐานเส้นทางการเงินฮั้วเลือก สว. เชื่อมโยงไปถึง โดยเตรียมทยอยส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้าโพยฮั้ว สว.เสี่ยงพาพบจุดจบ หากต่อรองไม่ลงตัว ก็เสี่ยงพังครืนทั้งค่ายขณะที่สถานการณ์ค่ายแดงก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน หลังมติแพทยสภาสั่งลงโทษ 3 นายแพทย์ กรณีช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำแม้แต่วันเดียวกางหลักฐานชี้ชัดไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ นายใหญ่มีอาการป่วยเข้าขั้นมีภาวะวิกฤติตามที่กล่าวอ้างหลักฐานทางการแพทย์ชิ้นสำคัญที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจหยิบยกมาประกอบการพิจารณาไต่สวนคดีที่นายทักษิณยังไม่เคยถูกจองจำอยู่ในคุก ตามคำพิพากษาศาลต้องลุ้นตัวโก่งจะถูกส่งตัวกลับมารับโทษคุมขังในเรือนจำหรือไม่สถานการณ์แวดล้อมในทางไม่สู้ดี อะไรๆก็ไม่เป็นใจเอื้อให้มีแต้มต่อทางการเมืองเหมือนเก่าล่าสุดศาลอาญายังมีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประเทศกาตาร์ เนื่องจากเป็นแค่นัดหมายส่วนตัวจากเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์เชิญไปร่วมงานเลี้ยงไม่มีรายละเอียดแน่ชัดจะได้พบโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเจรจาต่อรองภาษีการค้าไทย-สหรัฐฯ แต่เป็นแค่การคาดการณ์จะได้เจอผู้นำพญาอินทรีประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ จึงไม่มีเหตุผลจำเป็นหนักแน่นเพียงพอให้เดินทางออกนอกประเทศเส้นทางนายใหญ่เผชิญไฟเหลืองถี่ๆ ไม่ได้ราบรื่นเหมือนเก่า ต้นทุนความน่าเชื่อถือลดน้อยถอยลง ถูกตีกรอบการเคลื่อนไหวหน้าที่ผู้จัดการใหญ่รัฐบาลพลอยสะเทือนเสถียรภาพลูกสาว “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เจอมรสุมรุมเร้าทั้งความขัดแย้งในรัฐบาล ปัญหาเศรษฐกิจประเทศอ่อนระโหยโรยแรงจากสงครามการค้าโลก ส่วนแง่ความมั่นคง ไฟใต้ก็ปะทุหนัก แต่ตัวช่วยสำคัญดันมีชนักปักหลัง พรุนเต็มตัว ขยับมาช่วยได้ไม่ถนัดภาวการณ์รัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” เลือดท่วมหลายพรรค สะเทือนถึงเสถียรภาพความมั่นคงไม่ใช่แค่พรรคแกนนำอันดับ 1 ค่ายเพื่อไทย แม้แต่พรรคอันดับ 2 ภูมิใจไทยก็พลอยเปื้อนมลทินคดีฮั้วเลือก สว.ที่เตรียมขยายผลมาถึงระดับแกนนำพรรคไม่ต่างจากพรรคอันดับ 3 ค่ายรวมไทยสร้างชาติ ที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. พลังงาน หัวหน้าพรรค กำลังหัวหมุนสู้คดีต่อ ป.ป.ช. กรณีเป็นกรรมการบริษัท ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และการแจกถุงยังชีพของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่ติดรูปและชื่อตัวเองข้างถุง เข้าข่ายผิดกฎหมาย ป.ป.ช.และผิดจริยธรรมเก้าอี้รัฐมนตรีถูกเขย่าสั่นคลอน โยกเยกไปมาการเมืองไทยกระเพื่อมทุกองคาพยพ ทั้งจากความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล และด่านนิติสงคราม อำนาจรัฐล้มเหลว เสี่ยงโดนโละ ล้มล้าง พังทั้งกระดานหากยังไม่รีบเปิดดีลเจรจาให้ลงตัวรอบใหม่ ก็ไม่รู้จะถูลู่ถูกัง จอดป้ายก่อนครบเทอมหรือไม่!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม