ผมเคยเขียนไว้ในคอลัมน์นี้เมื่อเดือนก่อนโน้นว่า “สงครามการค้า” ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลุกขึ้นมาอาละวาดเล่นงานทุกประเทศทั่วโลกครั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนมากว่าเป้าหมายหลักก็คือจะสกัด “จีน”ต้องการชกกับจีน ต้องการหยุดจีนไว้เพียงเท่านี้ หรือถ้าถอยหลังกว่านี้ได้ก็ยิ่งดี...ประเทศอื่นๆ เพียงแค่โดนแบบพลอยฟ้าพลอยฝนเท่านั้นในบรรดานักวิชาการที่วิเคราะห์ประเด็นนี้เอาไว้อย่างเห็นภาพชัดเจน ผมยกให้ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หนึ่งท่านละครับดร.กอบศักดิ์ท่านติดตามแนวความคิด วิธีปฏิบัติ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องของนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ อย่างชนิดเจาะลึกมาโดยตลอดล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ดร.กอบศักดิ์ก็ออกมาอธิบายถึง “ระเบียบโลก” ใหม่ในยุคทรัมป์ ที่ท่านด็อกเตอร์เรียกว่า “ระบบกำปั้น” หรือระบบหมัดใครใหญ่กว่าแข็งกว่าจะเป็นผู้ชนะ และเป็นผู้เขียนกติกาใหม่ของโลกตามอัธยาศัยท่านเท้าความไปถึง ระเบียบโลก ที่เคยใหม่มากและทันสมัยมาก หลังสิ้นสุด “สงครามโลก ครั้งที่ 2” ที่สหรัฐอเมริกา คือผู้ชนะ และ เป็นตัวตั้งตัวตีในการกำหนดระเบียบทั้งหลายทั้งปวงขึ้นใช้ทั่วโลก โดยสหรัฐฯแอบอยู่เบื้องหลังตั้งแต่การก่อตั้งสหประชาชาติ หรือ UN และองค์ประกอบต่างๆ ผ่านการทำงานขององค์กรย่อยๆอีกหลายๆองค์กร ไปจนถึงการก่อตั้งไอเอ็มเอฟ, เวิลด์แบงก์, GATT, WTO ฯลฯระเบียบโลกที่เคยใหม่ดังกล่าวนี้สร้างผลประโยชน์ให้แก่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้ระเบียบมากที่สุด จนสหรัฐฯสามารถธำรงความเป็น “หมายเลข 1” ของโลกแบบกระบี่ไร้เทียมทานมาตลอด...แม้แต่โซเวียต รัสเซีย คู่แข่งสำคัญยิ่งในยุคแรกๆก็ยังพ่ายแพ้แต่เผอิญว่าระเบียบนี้เกิดมีช่องโหว่ และก็มีประเทศหนึ่งอาศัยช่องที่ว่าแหวกตัวขึ้นมาเป็น “คู่แข่งใหม่” ของสหรัฐฯอย่างไม่มีใครคาดถึงในช่วง 20 ปีหลังๆ...ซึ่งก็คือ “จีน” นั่นเองถึงขนาดมีการคาดการณ์กันว่าจีนนี่แหละที่จะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ด้านเศรษฐกิจแซงสหรัฐฯ...สหรัฐฯจึงยอมไม่ได้ และจำเป็นต้อง หาทางล้มกระดานเพื่อสกัดจีนเปลี่ยนระบบจากการควบคุมโลกทางอ้อมมาเป็นระบบกำปั้น “strength is rule” ใครแข็งแกร่ง หรือใครมีอำนาจ...คนนั้นคือผู้กำหนดกฎกติกาอย่างที่ว่าสหรัฐฯยุคทรัมป์จึงเลิกและหันหลังให้กับหลายๆกลไกที่เคยเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจที่ตนสร้างขึ้นโดยสิ้นเชิง หันมาใช้วิธีนักเลงโต หมัดต่อหมัด ระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่คู่แข่งและประเทศอื่นๆดร.กอบศักดิ์บอกว่าเราคงต้องเตรียมตัวให้รอบคอบว่าจะตัดสินใจอย่างไร? เพราะวันหนึ่งอาจต้องเจอคำถามจาก 2 ประเทศกำปั้นใหญ่ ว่าเราจะอยู่กับใคร? หรือเลือกข้างไหน?ผมหวังว่ากระทรวงการต่างประเทศของเราคงจะเตรียมตัว และค้นหาคำตอบที่ดีที่สุด และเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยที่สุดเอาไว้แล้วสำหรับผมเองรับว่าหนักใจมาก เพราะถ้าเลือกสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ก็เหมือนเลือกอยู่กับเสือ จะโดนแว้งกัดเมื่อไรไม่ก็รู้...ครั้นจะเลือกท่าน สี จิ้นผิง ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยตัวท่านสีเอง รวมไปถึงคณะรัฐบาลของท่าน รวมไปถึงภาคราชการของท่าน ถือได้ว่าน่ารักน่าคบ แต่ภาคเอกชนและประชาชนของท่านนี่ซี มีทั้ง “สีเทา” มีทั้ง “ศูนย์เหรียญ” มีทั้งค้าขายเอารัดเอาเปรียบสารพัด ไม่เชื่อลองถามพ่อค้าไทยหลายๆท่านที่เคยค้าขายกับจีน ดูได้...จระเข้ ชัดๆชั่งน้ำหนักให้ดีๆก็แล้วกันครับรัฐบาล ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเสนอให้ครบ ทั้ง “เสือ” ทั้ง “จระเข้” นั่นแหละ...เพียงแต่เราจะมีโอกาสเลือกหรือไม่เท่านั้นเอง?"ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม