รัฐสภาแคนาดามี 2 สภา คือวุฒิสภา (สมาชิก 105 คน แต่งตั้งโดยผู้สำเร็จราชการแทนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3) และสภาผู้แทนราษฎร (สมาชิก 343 คน จากประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้ง)การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 28 เมษายน 2025 พรรคเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรี มาร์ก คาร์นีย์ ได้ 169 ที่นั่ง ซึ่งยังไม่ถึง 172 ที่นั่งที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากหนึ่งในพรรคการเมืองที่เก่าแก่และมีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของแคนาดาคือ พรรคเสรีนิยมแคนาดา ที่ก่อตั้งตั้งแต่ทศวรรษ 1840 และจดทะเบียนเป็นพรรค ค.ศ.1867 ฐานเสียงใหญ่อยู่ที่โตรอนโต มอนทรีออล แวนคูเวอร์ และประชาชนที่พูดภาษาฝรั่งเศสในควิเบก นายกรัฐมนตรีคนดังจากพรรคนี้ก็มีปิแอร์ เอลเลียต ทรูโด ที่เป็นนายกฯถึง 2 ยุค (1968-1979 และ 1980-1984) ฌอง เกรเตียง (1993-2003) และจัสติน ทรูโด (2015-2025)จัสติน ทรูโด ต้องลาออกจากนายกฯเพราะมีเรื่องอื้อฉาวในคดี SNC-Lavalin ที่แกถูกหาว่าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยบริษัทจากควิเบกให้พ้นคดีคอร์รัปชันในลิเบีย ทำให้รัฐมนตรีหลายคนลาออก ความน่าเชื่อถือของทรูโดในด้านจริยธรรมลดลงมากตอนหลังทรูโดโดนด่าว่าดีแต่พูด พอถึงช่วงสงครามรัสเซีย-อูเครน ค่าครองชีพ ราคาบ้าน ค่าเช่า และค่าสินค้าสูงจนคน อยู่แทบไม่ได้ เมื่อมีขบวนรถบรรทุกประท้วงต่อต้านมาตรการโควิด-19 ทรูโดก็ใช้อำนาจรัฐเข้าไปปราบปราม ทำให้คนด่าแกกันทั้งประเทศ ต่อมาก็ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคเสรีนิยมคนที่มารับตำแหน่งแทนคือมาร์ก คาร์นีย์ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการเคารพในวงการเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ จบด็อกเตอร์จากออกซ์ฟอร์ด เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา (2008–2013) และผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ (2013–2020) เป็นคนสุขุมและมีวิสัยทัศน์การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวคนแคนาดาเกลียดทรัมป์ที่เป็นพวกขวาจัด พูดจาโผงผาง คนลงคะแนนเสียงชาวแคนาดาในเดือนเมษายน 2025 อยากได้ผู้นำที่มีบุคลิกภาพตรงข้ามกับทรัมป์ ซึ่งคาร์นีย์ตอบโจทย์ตรงเลยครับ มีวิสัยทัศน์สากล และความที่เก่งเศรษฐศาสตร์ ทำให้ผู้คนเชื่อว่าคาร์นีย์จะแก้ปัญหาเงินเฟ้อและราคาบ้านที่แพงเว่อร์ได้ความที่ไม่เคยเล่นการเมืองมาก่อน คาร์นีย์จึงไม่มีศัตรูทางการเมืองมาก ตอนที่ยังไม่เปิดตัวคาร์นีย์ คนแคนาดาจำนวนไม่น้อยที่เบื่อนายทรูโดบอกว่าจะเลือกนายปิแอร์ โพลิเอฟ มาเป็นนายกฯนายโพลิเอฟเป็นนักการเมืองแคนาดามาตั้งแต่ ค.ศ.2004 แกพูดจารุนแรงแบบทรัมป์ และมีนโยบายหลายอย่างคล้าย ทรัมป์ ภายหลังคนแคนาดาแขยงแขงขนนายทรัมป์อย่างกับขี้ เช่น สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ ต่อต้านภาษีคาร์บอน คนไม่เลือกโพลิเอฟเพราะมองว่านโยบายของแกคล้ายกับแนวคิดของทรัมป์ที่ต่อมาคนแคนาดาเกลียดคาร์นีย์ให้ข้อคิดกับชาวแคนาดาว่า พวกเราควรยืนหยัดด้วยแนวคิดเสรีประชาธิปไตยและพหุวัฒนธรรม ตรงกันข้ามกับทรัมป์ ที่สนับสนุนแต่พวกฝรั่งผิวขาว ขณะที่ทรัมป์กับโพลิเอฟชอบ เผชิญหน้า ทว่าคาร์นีย์ไม่ชอบการเผชิญหน้ากับใคร แกเน้นเรื่องการรักษา เสถียรภาพและปกป้องผลประโยชน์ของแคนาดาโดยผ่านการทูตและกลไกลทางการค้า คาร์นีย์เป็นผู้นำที่อยู่กับกระแสโลก ต่างกับทรัมป์ตรงที่อเมริกาต้องมาก่อน โดยไม่สนใจว่าโลกจะเป็นยังไงปัญหาของแคนาดาที่คาร์นีย์ต้องเผชิญก็คือ การที่ราคาบ้านแพงเกินจริง โดยเฉพาะโตรอนโตและแวนคูเวอร์ แพงจนมีแรงกดดันจากคนรุ่นใหม่ที่ไม่สามารถจะซื้อบ้านได้ อีกเรื่องหนึ่งก็คือปัญหาผู้อพยพ 2 ปี ทรูโดรับผู้อพยพเข้ามาแคนาดามากกว่า 1 ล้าน ทำให้เกิดการแออัดยัดเยียดในโรงเรียน โรงพยาบาล และตลาดแรงงานอีกเรื่องที่คาร์นีย์ต้องสู้ก็คือ สู้กับกลุ่มอนุรักษนิยม โดยเฉพาะพวกนี้ในอัลเบอร์ตา คนในอัลเบอร์ตาอยู่ได้เพราะพลังงานฟอสซิล ในขณะที่คาร์นีย์สนใจพลังงานสะอาดคาร์นีย์ต้องเป็นนายกฯที่พาแคนาดาเลี่ยงสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จะเลี่ยงให้ได้ก็ต้องไปเจรจากับทรัมป์ทว่าจะเจรจากันยังไง ที่ไม่ให้คนมองว่าแกเป็นสมุนของทรัมป์.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม