คงเป็นเพราะไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีในวันข้างหน้านั้นจะชนะเลือกตั้งได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจึงต้องออกตัวหาพวกสนับสนุน เพื่อสามารถจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ก็เลยเกิดวาทกรรมการเมืองระหว่าง “ประชาชน” กับ “เพื่อไทย” ที่เล่นกันแรงพอสมควร ประเด็นมันที่ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน บอกว่าหากจะร่วมกับ “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาลนั้นมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือ “เพื่อไทย” จะต้องขอโทษประชาชนเสียก่อนแม้จะไม่ลงในรายละเอียดแต่ก็คงเป็นเรื่องเก่าว่าด้วยการจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง “ส้ม” กับ “แดง” แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะ “แดง” อ้างว่าปัญหาคือส้ม “ต้องการแก้ไข ม.112” จึงไม่มีพรรคการเมืองไหนร่วมรัฐบาลด้วยแต่แกนนำคนสำคัญของกลุ่มการเมืองคนรุ่นใหม่อ้างว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ ม.112 แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ “เพื่อไทย” ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีและแกนนำรัฐบาลเสียเองว่าไปแล้วประเด็นนี้ถกกันมาหลายยกแล้วแต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมรับเมื่อ “ณัฐพงษ์” ยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดอีกก็เลยทำให้ “แดงตัวพ่อ” หูร้อนขึ้นมาทันที เพราะการจะให้ “เพื่อไทย” ไปขอโทษประชาชนก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดซึ่งทำไม่ได้และยอมไม่ได้!“ทักษิณ ชินวัตร” จึงโต้กลับว่าสงสัยหัวหน้าพรรคประชาชนจะเป็น “เท้ง สึ่งตึง” มากกว่า คือโง่ปัญญาอ่อนมากกว่าเป็นภาษาเหนือที่แรงและหยามกันมากนั่นจึงทำให้ สส.เหนือของพรรคประชาชนแสดงความไม่พอใจถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามที่ไม่สมควรพูดและไล่ให้ไปทำหน้าที่รัฐบาล “ให้ดี” เสียก่อนเอาเป็นว่าฝ่ายหนึ่งซึ่งมีความปรารถนาดีเพื่อให้อีกฝ่ายรับผิดสิ่งที่กระทำมานั้นไม่ถูกต้อง แต่อีกฝ่ายคิดว่าเอาเรื่องเก่ามารื้อฟื้นทำให้เสียเครดิตที่ตนเองไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงพูดง่ายๆไม่ใช่ลูกผู้ชาย!ความจริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าทั้ง 2 พรรคนั้นไม่มีทางไปด้วยกันได้ เพราะ “อุดมการณ์” ไม่สอดคล้องกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ม.112 นั้นการที่ “ทักษิณ” ได้กลับเมืองไทยอย่างเท่ๆนั้นก็เพราะมี “ดีลพิเศษ” มิฉะนั้นไม่มีทางได้มาลอยหน้าลอยตาได้อย่างทุกวันนี้พรรคประชาชนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรแต่ไม่ยอมรับความจริงในข้อนี้ยังหวังว่าทั้ง 2 พรรคน่าจะไปด้วยกันได้...อีกทั้งเหลือบแลไปรอบทิศแล้วก็พบความจริงว่าพรรคการเมืองอื่นๆก็ต้องการร่วมรัฐบาลด้วย เนื่องจาก “อุดมการณ์” ที่สุดขั้วดังนั้นที่หวังว่าจะจับมือกับ “แดง” นั้นแค่คิดก็ผิดแล้ว โดยเฉพาะท่าทีและการแสดงออกที่ผ่านมา “ทักษิณ” ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจุดยืนของเขานั้นเป็นอย่างไรทุกอย่างมันจึงอยู่ที่พรรค “ส้ม” จะเปลี่ยนแนวคิดได้หรือไม่ถ้าไม่ก็ไม่มีทาง มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างนี้คือหวังเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ที่จะเทคะแนนให้อย่างที่ผ่านมานี่เป็น “อุดมการณ์” ที่จะทำให้ไปสู่จุดหมายได้หรือไม่จึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อยหากไม่ลดจุดยืนให้เข้มข้นน้อยลงหรือถ้ามั่นใจถูกต้องและเหมาะสมแล้วก็เดินหน้าต่อไปแต่โอกาสค่อนข้างจะริบหรี่ขนาด “ทักษิณ” ที่เคยคิดว่าตัวเองแน่เคยเหิมเกริมไม่ไว้หน้าใครวันนี้ต้องยอมรับความจริงจึงฝ่ามรสุมมาได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม