ค.ศ.2003 ทันทีที่ขับรถจากสาธารณรัฐเบนินเข้ากรุงวากาดูกู เมืองหลวงของบูร์กินาฟาโซ ไฟฟ้าก็ดับ แล้วก็ดับอยู่อย่างนั้นนานประมาณ 10 ชั่วโมง ดับนานจนหลายคนหงุดหงิด ผมต้องปลอบใจผู้ร่วมคณะว่ามาประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาตะวันตก ท่านต้องทำใจครับสมัยก่อนประเทศเหล่านี้อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส ฯลฯ เจ้าอาณานิคมขนทรัพยากรไปหมด ทิ้งไว้ให้เหลือแต่ขยะ ส่วนประเทศเจ้าอาณานิคมซึ่งทั้งหมดอยู่ในทวีปยุโรปกลับเจริญเฟื่องฟู ดำเนินชีวิตกันอย่างหรูหราหมาเห่า น้ำไหลไฟสว่างทั้ง 24 ชั่วโมงการไปทำร้ายคนท้องถิ่นที่อยู่ในดินแดนแสนไกล ไปฆ่าชาวพื้นเมือง เพื่อปล้นทรัพยากรนำมาใช้ในประเทศตัวเอง (ทวีปยุโรป) ก็เป็นพลังงานลบที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ พร้อมที่จะกลับมาดลบันดาลให้พวกเจ้าอาณานิคมเจอสถานการณ์แบบเดียวกันอย่างที่ทำกับคนอื่นนะครับใครจะนึกเล่าครับว่า ตั้งแต่เวลาเที่ยงของจันทร์วันที่ 28 เมษายน 2025 ไฟฟ้าจะดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกส ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมในยุคแรกๆ รถไฟใต้ดินวิ่งไม่ได้ โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีสัญญาณ ไฟจราจรก็ไม่ทำงาน ประชาชนบนคาบสมุทรไอบีเรียไม่มีสตางค์ใช้ เพราะไปเบิกเงินที่ตู้เอทีเอ็มไม่ได้ หรือแม้แต่ไปธนาคารก็ทำธุรกรรมไม่ได้ เพราะไม่มีไฟฟ้าให้ดำเนินกิจการด้านต่างๆได้อย่างปกติคาบสมุทรไอบีเรียมีพื้นที่เท่ากับไทย ประเทศใหญ่สุดคือสเปน ทางตะวันตกของคาบสมุทรเป็นโปรตุเกส มีชาติรัฐขนาดเล็กอยู่บนเทือกเขาพิเรนิสระหว่างสเปนกับฝรั่งเศสชื่ออันดอร์รา ยิบรอลตาร์ ที่อยู่ทางใต้สุดและเป็นดินแดนของสหราชอาณาจักรก็เป็นส่วนหนึ่งของคาบสมุทรไอบีเรียด้วยไอบีเรียเป็นคาบสมุทรใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรปรองจากคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย แต่ก่อนง่อนชะไร สมัยเป็นเจ้าอาณานิคม มีความเจริญมากกว่าใครๆ ทว่าถึงวันนี้ไม่ใช่แล้วครับ ไฟฟ้าดับครั้งนี้กว่าจะกู้ได้ทั้งหมดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6-10 ชั่วโมง ทั้งที่มีความรู้และเทคโนโลยีมากมายขายปลาช่อน จนถึงขณะที่ผมเขียนบทความตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ “โดนโจมตีทางไซเบอร์กระมัง” “พลังงานที่จะเติมให้โรงไฟฟ้ามีไม่พอกระมัง” ฯลฯบริษัท อาร์อีเอ็น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพลังงานของโปรตุเกสโยนความผิดให้ธรรมชาติ โดยบอกว่า อ้า สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างสุดขั้ว ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างผิดปกติในสายไฟฟ้าแรงสูงขนาด 400 กิโลโวลต์นายกรัฐมนตรีสเปน นายเปโดร ซานเชซ บอกว่า อ้า สเปนสูญเสียพลังงานถึง 15 กิกะวัตต์ หรือประมาณร้อยละ 60 ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในเวลาเพียงไม่กี่วินาที มันไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลหรือของใครนะจ๊ะ ทว่าเป็นผลมาจากความไม่สมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้าฝรั่งเศสเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเกิดไฟฟ้าดับทางตอนใต้ในแคว้นอ็อกซิตานีและแคว้นนูแวลอากีแตน เมืองเปร์ปิญองและนาร์บอนก็โดนไปด้วย ส่วนราชอาณาจักรอันดอร์รา แน่นอนครับว่าไม่รอด ไฟฟ้าดับด้วยเช่นกัน แม้ราชอาณาจักรโมร็อกโกจะไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป แต่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตของโมร็อกโกบางรายไปใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งในสเปน สถานการณ์ในโมร็อกโกก็พลอยบ้าบอคอแตกไปด้วยแหล่งพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าของสเปน เป็นพลังงานลม (ร้อยละ 23–25) แสงอาทิตย์ (ร้อยละ 15–18) ก๊าซธรรมชาติ (ร้อยละ 20–25) พลังงานน้ำ (ร้อยละ 10–12) นิวเคลียร์ (ร้อยละ 20) นอกนั้นเป็นชีวมวลและอื่นๆแหล่งพลังงานในโปรตุเกสก็คล้ายกันกับสเปน ที่น่าสนใจก็คือ โปรตุเกสและประเทศเหล่านี้เลิกใช้ถ่านหินมาผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ ค.ศ.2022โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนไม่สามารถเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตได้ทันเวลา เพราะพลังงานบางชนิด เช่น ลมและแสงอาทิตย์ มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้แบบเรียลไทม์ทำให้ระบบล้มได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีไฟฟ้าดับที่คาบสมุทรไอบีเรียในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2025 ทำให้ประเทศอื่นซึ่งพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนต้องตระหนัก และป้องกันแก้ไขไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแบบเดียวกับสเปน โปรตุเกสและอีกหลายประเทศ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม