ผบ.ตร.สั่งสอบวินัยอดีตนายพลยศ พล.ต.อ. หลังถูกโยงคดีด็อกเตอร์สาวนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยดังมาให้ลอก ชี้แม้พ้นจากราชการแล้ว แต่ยังอยู่ในห้วงเวลาสามารถทำได้ ด้านตำรวจไซเบอร์แจงเส้นทางทำผิดจากหลักฐานคดี “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน พบผู้ต้องหารับค่าจ้างโอนเงินบัญชีม้า 11 ครั้ง กว่า 9 แสนบาท โฆษก ตร.ยันไม่ใช่ขบวนการตอกฝาโลงอดีตบิ๊กตำรวจ ขณะที่ 2 อดีตตำรวจย่องให้ปากคำ ปฏิเสธข้อหา ด้านอธิการบดีจุฬาฯแจงหากพบหลักฐานทำผิดถึงขั้นถอนใบปริญญาบัตรกรณีตำรวจไซเบอร์รวบนางขนิษฐา หรือ ดร.นิด เลิศบรรเจิดวงศ์ อายุ 53 ปี ในความผิดข้อหาร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หลังรู้จักสนิทกับเจ้าหน้าที่หลักสูตรคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย แอบนำข้อสอบมาให้คนอื่นทำแล้วส่งต่อให้อดีตนายพลตำรวจยศ พล.ต.อ. ที่เรียนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) ลอกเหตุเกิดเมื่อปี 2566 ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้อง หลังพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยเฉพาะอดีตตำรวจติดตามอดีตนายพลตำรวจคนดังที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 24 เม.ย. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการสอบปากคำนางขนิษฐา ผู้ต้องหา เบื้องต้นยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนอดีตตำรวจ 2 นายที่เกี่ยวข้องในคดีได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้การถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เดิมที่ตำรวจพบหลักฐานการกระทำความผิดอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองเดินทางเข้ามาพบด้วยตัวเอง ทำให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องออกหมายเรียก สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาทันทีในความผิด “ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” เช่นเดียวกับนางขนิษฐา แต่อดีตนายตำรวจทั้ง 2คนยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาผบช.สอท.กล่าวอีกว่า ส่วนผู้เข้าสอบและบุคคลที่พบเส้นทางการเงินโอนให้กับผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาตามพยานหลักฐาน หากพบหลักฐานเชื่อได้ว่าร่วมกันกระทำความผิดจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา หรือขอศาลออกหมายจับ ถ้าหากยังไม่พบหลักฐานไปถึงก็จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานก่อน จากการสืบสวนพบว่าข้อสอบที่ถูกลักลอบนำออกไปเป็นข้อสอบเฉพาะบุคคล มีรายชื่อผู้เข้าสอบระบุเอาไว้อย่างชัดเจนเป็นเพียงข้อสงสัย สาเหตุที่แท้จริงขณะนี้พยานหลักฐานยังไม่ถึงตัวผู้เข้าสอบด้าน พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่า ที่มาของคดีนี้ ตำรวจพบการกระทำความผิดมาจากการจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ สุจริตชินศรี ที่ทำผิดเกี่ยวกับคดีเว็บพนันออนไลน์ซ้ำซากเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอื่นๆ จากการตรวจสอบหลักฐานจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสารพบหลักฐานการสนทนาและเส้นทางการเงิน เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบลักษณะนำเฉลยข้อสอบไปให้กับผู้ที่เข้าสอบและมีพฤติกรรมร่วมกันทำเป็นขบวนการ ก่อนนำไปสู่การจับกุมนางขนิษฐาส่วนที่ ตร. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และรองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมนางขนิษฐาว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการจับกุมเจ้าแม่เว็บพนันและมีการขยายผลตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่การตอกฝาโลงอดีตนายพลตำรวจท่านหนึ่ง ในอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ ตำรวจพบหลักฐานข้อสอบ รวมถึงบทสนทนาเชื่อมโยงกลุ่มบุคคลที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆส่วนกรณีการแจ้งข้อหานางขนิษฐาเป็นเรื่องการนำไปซึ่งเอกสารฯ แต่เหตุใดตำรวจไซเบอร์เข้ามาสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ตอบว่า พยานหลักฐานตรวจพบเจอจากคอมพิวเตอร์จากการเชื่อมโยง เว็บพนันที่บ้านแห่งหนึ่งย่านวิภาวดีรังสิตเมื่อปี 2566 ตำรวจไซเบอร์มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้อง หลักฐานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบทสนทนา ไม่สามารถตอบได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มอดีตตำรวจรายใด มีหลายคนเกี่ยวข้องกับเรื่องของการพูดคุยทรัพย์สิน นางขนิษฐาได้รับโอนเงินจากบัญชีม้า 5 ครั้งกว่า 400,000 บาท จากการขยายผลยังพบว่ามีการรับเงินจากบัญชีมาเว็บไซต์พนันอีกกว่า 500,000 บาท รวมแล้วรับเงินทั้งหมด 11 ครั้ง จำนวนกว่า 9 แสนบาท เป็นการจ้างทำการกระทำอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษา“มหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ตำรวจสอบปากคำเจ้าหน้าที่คุมสอบ รวมทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกทั้งนางขนิษฐาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย ข้อสอบเป็นแบบอัตนัย ส่วนการพิสูจน์ทราบลายมืออยู่ระหว่างดำเนินการ เรื่องการโกงข้อสอบเป็นเรื่องของมหาวิทยาลัย จากที่สอบถามมหาวิทยาลัยทราบว่ามีระเบียบเรื่องการโกงข้อสอบอยู่” พล.ต.ต.ศิริวัฒน์กล่าวรองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม หลังจับนางขนิษฐา นายคริษฐ์ ปริยะเกตุ และนายชานนท์ อ่วมทร อดีตตำรวจติดตามอดีตนายพลตำรวจมาให้ข้อมูล เพราะเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเดียวกันทั้งสองคนให้การปฏิเสธและจะขอให้การเป็นเอกสารภายใน 30 วัน ทั้งนี้คาดว่าจะมีการสอบปากคำเพิ่ม อีก 2-3 คน เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งหมดด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า หากพบว่ามีตำรวจมีพฤติกรรมลักษณะโกงข้อสอบหรือกระทำผิดกฎหมาย คงเอาไว้ไม่ได้ ในกรณีที่อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถูกพาดพิงว่าเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ไม่ใช่การซ้ำเติมและไม่มีคำสั่งมาจากผู้ใด แต่พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย หลังรับแจ้งมีการทุจริตเกิดขึ้น สั่งให้กองวินัยและฝ่ายกฎหมาย พิจารณาเสนอว่ามีการกระทำผิดวินัยจริงหรือไม่ ต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจน แม้จะพ้นจากราชการไปแล้ว หากยังอยู่ในห้วงเวลาที่สามารถดำเนินการทางวินัยได้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนการลอกข้อสอบจะผิดหรือไม่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน ยังไม่สามารถตอบได้ ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หากไม่ใช่การทุจริต พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสั่งไม่ฟ้องขณะที่ ศ.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเรื่องเดียวกันว่า เรื่องนี้คณะนิติศาสตร์ได้ออกแถลงการณ์และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง จะมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ดังนั้น ต้องให้เวลาคณะนิติฯดำเนินการก่อน คิดว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะเราก็อยากทำให้เร็ว หากมีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนก็สามารถส่งเรื่องให้สภามหาวิทยาลัยจุฬาฯพิจารณาเพิกถอนใบปริญญาบัตรได้ กรณีที่เกิดขึ้นได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากทำผิดจริง อาจถึงขั้นถอนใบปริญญาบัตร คณะนิติฯและมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วทั้งนี้รายละเอียดของแถลงการณ์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่าหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) รู้สึกเสียใจยิ่งกับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้หลักสูตรฯในครั้งนี้ หลักสูตรฯได้รับการประสานจาก บช.สอท. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2568 ที่ผ่านมาและได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาตลอด ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้มิใช่ศิษย์เก่าและมิได้เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย แต่อาศัยโอกาสกระทำการดังกล่าวจากการเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่หลักสูตรโดยที่เจ้าหน้าที่มิได้สังเกตพิรุธ (รายละเอียดอยู่ในขั้นตอนคดี) ขณะนี้เจ้าหน้าที่หลักสูตรได้ให้ข้อมูลและแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วแถลงการณ์ระบุด้วยว่า คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานข้อมูลเพิ่มเติมทางการสอบสวน และหากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการศึกษาไม่ว่าจะเป็นในกรณีนี้หรือกรณีอื่น คณะนิติศาสตร์จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้คณะนิติศาสตร์ขอยืนยันเจตจำนงในอันที่จะรักษามาตรฐานการจัดการศึกษา การให้ปริญญา ตลอดจนคุณภาพบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาของไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่