ประเพณีสงกรานต์ ปีนี้มีข้อมูลว่า ชาวต่างชาติ มาเล่นสงกรานต์เมืองไทยอยู่ที่ 6.6 แสนคน อันดับ 1 เป็น จีน อันดับ 2 มาเลเซีย เมื่อเทียบสัดส่วนประชากรกันแล้ว ต้องถือว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากกว่าจีน แต่ปรากฏว่านักท่องเที่ยวจากมาเลเซียไม่ค่อยได้รับความสำคัญเท่าไหร่ตามด้วยอินเดีย รัสเซีย เกาหลีใต้ ส่วนทางฝั่งยุโรปอเมริกา ลดลงไปบ้างตามสภาพเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ตั้งแต่ต้นปี ที่ผ่านมาอ้างตัวเลขนักท่องเที่ยวจาก ททท. มีประมาณกว่า 10 ล้านคน ในขณะที่ ญี่ปุ่น คุยว่าไตรมาสแรก มีต่างชาติมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วกว่า 10.5 ล้านคน โดยเฉพาะหลังจากที่ ญี่ปุ่นมีมาตรการผ่อนคลายวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 23.1% เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาเดือนเดียวมีนักท่องเที่ยวถึง 3.5 ล้านคน เดือน ม.ค.มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 3.78 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนถึง 2.36 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 78% นอกจากมาตรการด้านวีซ่าแล้ว ยังเป็นเรื่องของตั๋วเครื่องบินราคาถูก สายการบินเอเอ็นเอ ไปกลับโตเกียว หรือโอซากา กับ 7 เมืองใหญ่ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ราคาเพียง 850 หยวน หรือ 3,978 บาท ไตรมาสแรก ญี่ปุ่นฟันรายได้จากการท่องเที่ยวไปแล้วกว่า 2.27 ล้านล้านเยนจีนเองก็มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวมากขึ้นหลังจากมีมาตรการฟรีวีซ่าออกมา ใช้วิธีการเดียวกับญี่ปุ่น เดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ โดยสายการบินเซาท์ ไชน่า แอร์ไลน์ ราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท พร้อมอาหาร 1 มื้อบนเครื่องบิน โรงแรมที่พักราคาดี ราคาตั๋วเครื่องบินบวกโรงแรมที่พัก 4 คืน 5 วัน ไม่ถึง 1.4 หมื่นบาท ค่าโดยสารรถไฟฟ้าระยะสั้น 2 หยวน ระยะยาวหน่อย 5 หยวน รถไฟความเร็วสูงระหว่างจังหวัด ไปกลับคิดเป็นเงินไทยประมาณ 700 บาท ส่วนมาตรการความปลอดภัยไม่ต้องไปพูดถึง ละเอียดยิบ คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้เมื่อยตุ้มมาตรการพวกนี้ จูงใจให้นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยว มากกว่าการจัดอีเวนต์กันทั้งปีทั้งชาติ หรือพยายามอวยกันเอง เหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำลายการท่องเที่ยวจากความไม่เชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว จากผลพวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปล่อยให้ทุนเทาเข้ามาทำมาหากินกันอย่างอิสระเสรี ทุนไทยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว กระบวนการยุติธรรมและความมั่นคงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือเรายังเข้าใจคำว่า Man Made Destination กันแบบผิดๆ หรือมีเจตนาอื่นแอบแฝง ด้วยสภาพของภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป เราจะพัฒนาช้าลงไปเรื่อยๆ เพราะเราขาดความคิดที่สร้างสรรค์อ่านข่าวสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มองไปถึงความหายนะของหญ้าแพรกที่ไม่มีหนทางสู้ ผู้นำจีน สี จิ้นผิง ไปจีน ไปมาเลเซีย ไปกัมพูชา มีการตกลงทางการค้ากันมากมายตัดหน้าพี่เบิ้มสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการตอบโต้ทางภาษี เกทับไปจนถึง 245% แล้ว อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เดินทางมาเยือนไทยและประเทศอาเซียนผูกมิตรการค้าในอาเซียนอีกระลอก เราส่งตัวแทนไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯยังไม่รู้หมู่จ่าไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์หรือภาวะผู้นำให้เมื่อยตุ้ม ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม