ผู้สูงอายุ คนแก่หรือคนชรา...เป็นคำเรียกหนึ่งของผู้ที่มีอายุที่ยาวนานผ่านชีวิตทั้งความเจริญเติบโตของร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม ผ่านการเลี้ยงดูทั้งระบบครอบครัว การศึกษา ประสบการณ์ของการทำงาน ผ่านชีวิตทั้งทุกข์ สุข ความสมหวัง ผิดหวังหรือ...อาจจะมีมุมมองชีวิตของเขาที่ผ่านโรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุของชีวิต ภัยของธรรมชาติ จนก้าวเข้าสู่ผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพของครอบครัวอาจจักรวมถึงการ “ตายดี” ในวาระสุดท้ายของชีวิตเฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ บอกว่า สังคมไทยเราได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายนของทุกๆปี เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” โดยเริ่มมาตั้งแต่สมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ตั้งแต่ พ.ศ.2496โดยมีหลักการก็เพื่อให้การสงเคราะห์คนชราที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มีฐานะยากจน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาคนชราต่อสังคมทั้งการเร่ร่อน ทำความรำคาญแก่สังคม ตลอดถึงให้การบริการสถานสงเคราะห์คนชรา รวมถึงรัฐสวัสดิการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตเขาและ...เล็งเห็นคุณค่าความดีของผู้สูงอายุ คนชราในปี พ.ศ.2525 มีการประชุมสมัชชาโลกว่าด้วยผู้สูงอายุ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยมีหลักการหลักก็คือมนุษยธรรม การพัฒนาและด้านการศึกษา และองค์การอนามัยโลกก็ได้กำหนดให้ปีดังกล่าวเป็นปีแห่งการรณรงค์เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ โดยกำหนดคำขวัญว่า “Add life to Years”หมายถึง...ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืนต่อมา...ในสมัยของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยมีดอกลำดวนเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ เป็นไม้อายุยืน...ใบเขียวชอุ่ม ไม่ทิ้งใบ ให้ร่มเงาตลอดทั้งปี ดอกสีเหลืองมีกลิ่นหอมเย็นเปรียบเสมือนผู้สูงอายุที่มีวัยวุฒิ คุณงามความดี คุณธรรมประสบการณ์ที่ดีงามของชีวิต...ที่จักถ่ายทอดให้แก่บุตรหลานและสังคมชาติบ้านเมืองข้อมูลหนึ่งของสภากาชาดไทยที่เห็นว่า “สังคมไทย” เราปัจจุบันได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงวัย” อย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในสัดส่วน 20% ของประชากรไทยทั้งประเทศ กับ อีกตัวเลขหนึ่งของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนธันวาคม 2566พบว่า ผู้สูงอายุไทย 60 ปีขึ้นไป ในจำนวน 13,064,929 คนและมีผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ในจำนวน 8,901,145 คน และรายงานของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปี พ.ศ.2568 เดือนมกราคม ประชากรไทยทั้งประเทศกว่า 65 ล้านคนมีผู้สูงอายุ...อายุ 60 ปีขึ้นไป กว่า 14 ล้านคนและ...อายุ 65 ปีขึ้นไปในจำนวนกว่า 9 ล้านคน เฉลิมพล ย้ำว่า จากตัวเลขผู้สูงอายุในภาพรวมของประเทศไทยเราโดยเฉพาะผู้สูงอายุในภาคอีสานอยู่ในสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ มีแนวโน้มเข้าสู่สังคมสูงวัยในระดับสุดยอด ซึ่งจะส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจ สังคม การขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะสุขภาพของผู้สูงอายุต้องเข้าสู่ระบบสาธารณสุขการแพทย์พยาบาลด้วยว่า...มีค่ารักษาพยาบาลในโรคต่างๆที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงบประมาณเบี้ยผู้สูงอายุทั้งประเทศในจำนวน 94,000 ล้านบาทในปี พ.ศ.2567 และมีงบบัตรทองในปี 2569 สูงถึง 9% รัฐและหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบต่อประชากรทั้งประเทศ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เขาต้องใช้ชีวิตไปถึงวันที่ต้องตาย เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรภาพปัญหาหนึ่งของผู้สูงอายุ คนแก่ชราในสังคมไทย...เราท่านได้พบเห็นเชิงประจักษ์ที่ว่าทุกๆเช้าวันทำงานแรกของสัปดาห์ ห้องแรกรับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิเพื่อขอรับการเข้าตรวจและรักษาโรคจะมีผู้สูงอายุ“คนแก่ชราจำนวนมากที่รอเรียกพบแพทย์ในบรรดาโรคของความเสื่อมในร่างกายทั้งตา หู แขนขา ความดันโลหิต เบาหวาน หัวใจ กระดูกและโรคอื่นๆ ข้อเท็จจริงหนึ่งก็มีผู้สูงอายุหลายคนปฏิเสธการรักษาเนื่องจากต้องใช้เวลาในการพบแพทย์เป็นเวลานาน อีกทั้งบางคนต้องเช่ายานพาหนะพร้อมผู้ที่ช่วยเหลือตนเอง”โดยหลักกฎหมายประเทศไทยมีความชัดเจนเพื่อไปสู่หนทางแห่งการปฏิบัติในการคุ้มครองชีวิตของผู้สูงอายุเหล่านั้นทั่วเมืองไทยเราอย่างทั่วถึง...เท่าเทียม แต่ในข้อเท็จจริงในชีวิตเขาเหล่านั้นต้องพบทั้งอุปสรรค...สภาพปัญหารอบด้าน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสภาพครอบครัวที่ยากจน ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี ลูกหลานไม่ดูแล ฯลฯประสบการณ์ตรงจากเพื่อนต่างชาติ พ่อแม่เขาเสียชีวิตไปหมดแล้วไม่มีญาติพี่น้องใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวโดยเลือกไปใช้ชีวิตในหลากหลายประเทศ ในที่สุดเขาก็เลือกอยู่ในเมืองไทยด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจจากเงินทองที่มีอยู่ เขาชื่นชอบสังคมไทยเราที่ว่าอาหารการกินสะดวกราคาไม่แพงมีคุณภาพ ถนนหนทางเหมาะแก่การท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย อัธยาศัยนิสัยคนไทยใจดียิ้มง่ายมีน้ำใจและในที่สุดเขาก็ป่วยด้วยโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งเขาเจ็บปวดทรมานมายาวนานจนตัดสินอัตวินิบาตกรรมตนเองในลานวัดแห่งหนึ่ง วันที่ 13 เมษายนของทุกๆปีนอกจากจะเป็น “วันสงกรานต์” ...ประเพณีสรงน้ำพระรดน้ำดำหัว โดยเฉพาะสังคมในชนบทบ้านนอกต่างจังหวัดลูกหลานญาติพี่น้องจะใช้วันเวลานี้ไปพบครอบครัว ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่เสียชีวิต การสรงน้ำพระ รดน้ำในมือของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เชื่อมสายสัมพันธ์หลักการสำคัญยิ่งของวันผู้สูงอายุไทยหรือวันสงกรานต์นั้น ก็เพื่อให้บรรดาเด็กๆลูกหลานญาติพี่น้องได้ระลึกนึกถึงบุญคุณ คุณความดีที่บรรพบุรุษได้อบรมเลี้ยงดูเขาเหล่านั้นให้เป็นคนดีของบ้านเมือง ร่วมกันสร้างชาติบ้านเมือง ก่อให้เกิดความรักความเข้าใจ ความสามัคคีกันในครอบครัว...เครือญาติ“คนชรา คนแก่ ผู้สูงอายุในสังคมไทยเรามีหลากหลายบริบททั้งรวยจน สุขภาพดีป่วย ครอบครัวรักปฏิเสธ สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตที่ดีงาม ระดับสมองสติปัญญาทำงานให้ชาติบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง...เสมือนดอกลำดวนที่มีกลิ่นหอมความดีงามทวนลมไปทุกทิศทางในสังคมไทย”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม