วันประกาศอิสรภาพทางเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ด้วยการแจกแจงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากกว่า 180 ประเทศ และภูมิภาค รวมไปถึงเกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมกดอนัลด์ ใกล้แอนตาร์กติกา ที่มีแต่นกเพนกวิน สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกออกมาเตือนกันยกใหญ่ถึงผลกระทบรุนแรงทั้งต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอง และทั่วโลก กระนั้นทรัมป์ยืนยันภาษีตอบโต้ดังกล่าวเป็น “สิ่งสวยงาม” หวังว่าชาวอเมริกันจะตระหนักได้สักวันหนึ่งแต่กว่าจะถึงวันนั้น “วิลเลียม แอ็กแมน” มหาเศรษฐี-นักลงทุน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Pershing Square Capital Management บริหารกองทุนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนึ่งในผู้สนับสนุนทรัมป์สู้ศึกชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ออกโรงเตือนว่า การที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าอย่างไม่เลือกหน้าทั้งมิตรและศัตรูอย่างไม่สมส่วนเช่นนี้ เป็นการเปิดฉากสงครามเศรษฐกิจกับทั้งโลกในคราวเดียว ขณะที่ยังย้ำว่าธุรกิจเป็นเกมที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่น แต่ทรัมป์กำลังทำลายความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนทางการค้า นำพาชาติมุ่งหน้าสู่ “ฤดูหนาวนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ” จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงโดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยแนะให้ทรัมป์ระงับการบังคับใช้ชั่วคราวเพื่อเจรจาและแก้ไขข้อตกลงการค้าที่มองว่าไม่เป็นธรรมด้านบทวิเคราะห์ใน นสพ.วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังให้ความเห็นน่าสนใจ มองว่านโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ เป็นเสมือน “ของขวัญ” มอบให้กับนายสี จิ้นผิง ประธานา ธิบดีจีน ได้ขึ้นโพเดียมรับตำแหน่งผู้ชนะในสงครามการค้าครั้งนี้ แม้จะเจออัตราภาษีหนักจุก 54% ก็ตามมองว่าสหรัฐฯสูญเสียความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและยื่นโอกาสให้จีนขยายอิทธิพลได้มากขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศในเอเชียที่เคยหวังพึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดอิทธิพลของจีน กลับต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯในอัตราสูงลิบ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะหันไปจับมือค้าขายกับจีนมากขึ้น เช่นเดียวกับพันธมิตรของสหรัฐฯอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่กำลังเร่งเจราข้อตกลงการค้าเสรีไตรภาคีกับจีนอย่างแข็งขันส่วนยุโรปอาจหวนไปพึ่งพาเศรษฐกิจจีนไม่ต่างจากแคนาดาที่ประกาศสิ้นสุดความสัมพันธ์กับพญาอินทรี!อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม