บ่วงมรณะคร่าชีวิตช้างป่าเขาใหญ่ “เจ้าพลายงาเดียว” หลังเดินไปติดกับดักสัตว์รัดงวงจนแน่น กินอาหารและน้ำไม่สะดวก เกิดรอยแผลติดเชื้อ ทีมสัตวแพทย์วางยาสลบช่วยปลดบ่วง ผ่านไปไม่กี่วันพบซากช้างล้มตายขึ้นอืด เจ้าหน้าที่เก็บชิ้นเนื้อและอาหารในกระเพาะพิสูจน์ พร้อมเตือนชาวบ้านการวางบ่วงเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อช้างที่เป็นสัตว์คุ้มครอง ใครทำผิดกฎหมายมีโทษหนักเหตุสลดใจ “เจ้าพลายงาเดียว” ช้างป่าเขาใหญ่ล้มสุดทรมาน หลังติดบ่วงดักสัตว์รัดงวงจนแน่นกินอาหารและน้ำไม่ได้ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 มี.ค. นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ได้รับรายงานจากนางสาววีรยา โอชะกุล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนัก บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 และนายสถาพร ธีระวัฒน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แจ้งว่าช่วงค่ำวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พบซาก “เจ้าพลายงาเดียว” ช้างป่าเพศผู้อายุประมาณ 30 ปี นอนตายบริเวณหลังวัดบ้านดง หมู่ 1 ต.สาริกา อ.เมืองนครนายกหลังเกิดเหตุทีมสัตวแพทย์จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ร่วมกับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 13 (นางรอง) น.ส. นิดา ขนายงาม นายก อบจ.นครนายก และนายชุมพลภัทร์ เลาหะพานิช นายก อบต.สาริกา นำชุดจิตอาสานครนายก ชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างป่านครนายก และผู้นำชุมชนเข้าไปตรวจพิสูจน์ซากช้างพบ “เจ้าพลายงาเดียว” นอนตายลักษณะตะแคงซ้าย สภาพเน่าเหม็น คาดว่าตายมาไม่น้อยกว่า 48 ชม.เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุร่องรอยการถูกทำร้ายได้ เนื่องจากสภาพซากช้าง รวมถึงอวัยวะภายในเน่าหมด ทีมสัตวแพทย์ตรวจพบอาหารอยู่ภายในกระเพาะอาหารและพบอุจจาระอยู่ในลำไส้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นเนื้อและอาหารในกระเพาะช้างส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งถอดงาไปเก็บรักษา ส่วนซากช้างประสาน อบต.สาริกานำรถแบ็กโฮและรถบรรทุก 10 ล้อ มาเคลื่อนย้ายนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและฝังกลบในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สำหรับ “เจ้าพลายงาเดียว” ก่อนหน้านี้เคยติดบ่วงดักสัตว์ของชาวบ้านรัดปลายงวงจนแน่นบ่วงดังกล่าวนับว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อช้างป่า เนื่องจากงวงเป็นอวัยวะสำคัญที่ช้างใช้ในการหายใจ กินอาหาร ดื่มน้ำและสื่อสาร เมื่องวงถูกบ่วงรัดนอกจากจะเกิดบาดแผลความเจ็บปวดให้กับช้างแล้วยังทำให้ช้างไม่สามารถกินอาหารและดื่มน้ำได้อย่างปกติ เจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์วางยาสลบช่วยกันปลดบ่วงออกจากงวงของช้าง ก่อนปล่อยให้ออกหากินตามธรรมชาติ ผ่านไปเพียง 7 คืนพบช้างป่า “เจ้าพลายงาเดียว” ล้มในจุดเดิมที่เจ้าหน้าที่เคยช่วยปลดบ่วงให้อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ แต่ทีมสัตวแพทย์คาดว่าบ่วงดัก สัตว์อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของช้าง การถูกบ่วงรัดงวงอาจไม่แสดงออกในทันที แต่ส่งผลต่อการกินอาหารและดื่มน้ำหรืออาจเกิดการติดเชื้อจากบาดแผล ส่งผลให้ช้างป่าอ่อนแอลงเรื่อยๆและเสียชีวิตลงในที่สุด กรณีดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาของการวางบ่วงดักสัตว์ป่านับเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสัตว์ป่าหลายชนิด โดยเฉพาะช้างป่าที่เป็นสัตว์คุ้มครอง การวางบ่วงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีบทโทษหนักอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่