ผมเขียนต้นฉบับวันนี้เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ครบ 24 ชั่วโมงพอดี สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวด้วยความรุนแรงขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ สหภาพเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.ปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน 326 กิโลเมตร หรือห่างจากกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงประเทศไทย ประมาณ 1,100 กิโลเมตรแต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะใน กทม. นั้นถือว่าใหญ่หลวงเกินคาด ทำให้ตึกอาคารสูงที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างถล่มเป็นจุณไป 1 ตึก และทำให้เกิดรอยร้าวตามตึกสูงและอาคารต่างๆ ถึงกว่า 2,000 แห่งจากข่าวล่าสุด ก่อนที่ผมจะเขียนต้นฉบับวันนี้รวมไปถึงทางด่วนชำรุด ถนนชำรุด สะพานชำรุด และ ฯลฯ ด้วย ส่งผลให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยรวมสำหรับประเทศไทยรุนแรงที่สุดในรอบ 84 ปีเท่าอายุผมเป็นอย่างน้อยโดยเฉพาะยอดผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ 24 ชั่วโมงพอดีนั้นยังไม่นิ่ง ข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 9 ราย ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย และสูญหาย 101 รายที่น่าห่วงใยมากที่สุดก็คือที่บริเวณตึกสร้างใหม่ยังไม่เสร็จ ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ บริเวณสวนจตุจักร ที่ล้มคลืนลงทั้งหลังนั่นเอง เพราะมีรายงานว่าในระหว่างถล่มมีคนงานก่อสร้างที่หนีออกไม่ทันจำนวนมากคงจะจำกันได้เหตุการณ์ตึกถล่มที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่ยังพูดถึงกันอยู่ทุกวันนี้ในบ้านเราก็คือ เหตุการณ์ตึก โรงแรมรอยัลพลาซ่า ถล่มกลางเมืองโคราช เมื่อ 13 สิงหาคม 2536 หรือเมื่อประมาณ 32 ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตถึง 137 รายหวังว่าการถล่มของตึก สตง.เมื่อวานนี้จะไม่สูญเสียเท่ากับเหตุการณ์ที่โคราชนะครับมีรายงานจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ว่า จากช่วงเวลาไหวครั้งแรกจนถึงช่วงเช้าถัดมามีแผ่นดินไหวที่เรียกว่า “อาฟเตอร์ช็อก” เกิดขึ้นที่มัณฑะเลย์ถึง 77 ครั้ง มาถึงบัดนี้จะถึง 100 ครั้งหรือยังไม่ทราบ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยอีกเลยซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ช่วยดลบันดาลให้ประเทศไทยของเราไม่สูญเสียมากไปกว่าที่มีรายงาน เพราะเพียงเท่านี้ก็ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์แผ่นดินไหวในประเทศไทยของคนรุ่นเราแล้วครับนั่งอ่านข่าว นั่งอ่านตัวเลข และนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว ที่หลายคนมีความรู้สึกเหมือนๆกันในช่วงแรกว่า “มึนศีรษะ” ตามมาด้วย “บ้านหมุน” และห้องโคลงเคลง, โต๊ะทำงานโคลงเคลง, โคมไฟแกว่งไปแกว่งมา จนรู้สึกตัวว่า “นี่มันแผ่นดินไหวนี่นา” วิ่งออกจากตึกออกจากบ้านโกลาหลอลหม่านในหลายจังหวัด โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑลยังรู้สึกช็อกอยู่เลยครับ และคงจะช็อกไปอีกนานพอสมควร สำหรับพี่น้องชาวไทยที่ไม่ค่อยจะเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวบ่อยนักที่สำคัญแม้จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ้างแต่ในยุคก่อนๆ บ้านเรายังไม่มีตึกสูงระฟ้ามากมายแบบยุคนี้ ความรู้สึกตกใจระหว่างตึกโคลงไปโคลงมาจึงยังไม่มากเท่ากับครั้งนี้ ซึ่งประเทศไทยของเราไม่เฉพาะแต่ กทม.เท่านั้น แม้ต่างจังหวัดก็มีตึกสูงเกิน 10 ชั้น ขึ้นไปในหลายๆจังหวัดทั่วประเทศโดยเฉพาะตึกคอนโดมิเนียม ซึ่งมีมากมายในหลายๆจังหวัดเช่นเดียวกัน และหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้แล้วก็ล้วนเกิดรอยแตก รอยแยกที่โน่นที่นี่แชร์กันทั่วเมืองในขณะนี้ถึงแม้จะมีการปลอบใจกันว่า...ไม่เป็นไรโครงสร้างยังแข็งแรงอยู่ แต่สำหรับคนที่นอนดูรอยแตกบนชั้นสูงๆของคอนโดมิเนียมยังไงก็คงหลับไม่ค่อยสนิทอย่างแน่นอนรีบสำรวจ รีบซ่อม รีบทาสีทับรอยแตก (เป็นอย่างน้อย) โดยเร็วเถอะครับ ผมเชื่อว่ายังมี “คนช็อก” หลัง “อาฟเตอร์ช็อก” ในขณะนี้อีกหลายพันหลายหมื่นคน เผื่อจะช่วยให้หายช็อกลงได้บ้าง.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม