ชนะย่อมเริงร่า แต่อนาคตข้างหน้าไปให้ดีก็แล้วกัน...เห็นอาการของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” หลังสภามีมติไว้วางใจแล้วก็รู้สึกอะไรบางอย่างว่า ชีวิตคนเรานั้นหากคิดดีทำดีเป็นแนวปฏิบัติทุกอย่างคงราบรื่นตรงกันข้ามหากคิดชั่วทำชั่วแล้วไซร้ บั้นปลายไม่คุกก็ต้องเผ่นหนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญของบ้านเมืองการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมานั้น ทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งในวัยไล่เลี่ยกัน จบสถาบันการศึกษาเดียวกันแต่ต้องมาอยู่คนละฝ่าย ซึ่งมีภารกิจที่จะต้องทำเพื่อชาติบ้านเมืองก็ต้องดูกันต่อไปว่าใครของจริง ใครของแท้ที่ควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ ซึ่งทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วยการกระทำนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกซักฟอกเพียงคนเดียว วันแรกอภิปรายแบบกลัวๆกล้าๆ แต่ก็ทำเหมือนกับว่ามั่นใจนัก แต่ตอบชี้แจงแบบปฏิบัติ อ้างว่าไม่ได้ทำผิดโดยไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเลยถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปพอสมควรวันที่ 2 ปรับจูนให้ดูอ่อนลง ไม่แสดงท่าทีเหมือนโอหังเลยดูดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด เพียงแต่บอกว่าไม่ได้ทำผิดก็เลยพอจะมองออกว่ามีแค่นี้เองแหละ...ผู้นำฝ่ายค้านมือใหม่หัดขับเช่นเดียวกัน อภิปรายวันแรกค่อนข้างจะราบเรียบว่าไปตามสคริปต์ จึงไม่ค่อยโดดเด่นเท่าที่ควรแต่วันที่ 2 ปรับท่าทีใหม่ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น ทำให้ถูกใจกองเชียร์ แต่ก็ถูกองครักษ์ “นายหญิง” ตีรวนจนประท้วงกันวุ่นวาย สุดท้ายประธานที่ประชุมจึงสั่งปิดการประชุมเสียดายความดุเด็ดเผ็ดมันที่ไม่ครบยกมีคำถามมากว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง โดยรวมก็โอเค เพียงแต่วางแผนไม่ดี ทำให้นํ้าหนักหมัดไม่เข้าเป้าเท่าที่ควรพูดง่ายๆคือการวางแผนการอภิปรายกว้างเกินไป คือหวังผลว่าจะสามารถเล่นงานได้อย่างครอบคลุมคือเอาทุกเรื่อง กวาดทุกมุม!ทำให้เรื่องสำคัญๆที่จะเป็นทีเด็ดนั้นนํ้าหนักอ่อน ขาดความน่าเชื่อถือ หากให้เวลาอภิปรายประเด็นที่มีหลักๆมากกว่าซํ้าแผลให้แรงๆ น่าจะได้ภาพชัดกว่านี้จริงๆประเด็นเดียวสามารถอภิปรายหลายคนก็ได้ แต่ต้องเชื่อมต่อกันให้ดีก็จะได้เห็นภาพที่ชัดเจน เป็นผลให้ข้อกล่าวหามีนํ้าหนักมากขึ้นอย่างที่ฝ่ายค้านในอดีตอย่างประชาธิปัตย์ทำสำเร็จมาแล้วก็ผ่านไปแล้ว แต่เป็นบทเรียนที่ควรจำเอาไว้...จากนี้ก็คือการนำประเด็นต่างๆมาพิจารณาว่าเรื่องไหนที่ควรจะดำเนินการด้วยการยื่นคำร้องเพื่อให้มีการสอบสวนต่อ เพราะแม้จะอภิปรายแต่เรื่องยังไม่จบที่จะเอาผิดได้อย่าทำแค่นี้แล้วพอ เพราะยังมีเรื่องที่ผู้คนยังสงสัยอีกหลายเรื่องที่สามารถจะสอบสวนและเอาผิดได้ เช่นเรื่องเลี่ยงภาษีโรงแรมที่เขาใหญ่ ซึ่งมีเงื่อนงำที่ชวนให้สงสัยและติดตามยิ่งหัวเราะวันนี้ แต่อาจจะมีคดีใหญ่ในวันหน้าได้สภาพการณ์ทางการเมืองที่เป็นจริงนั้น พรรคประชาชนแม้จะแพ้ศึกในวันนี้ก็เพราะพรรคการเมืองอื่นแนวอนุรักษนิยมรวมหัวกันเพื่อถล่มพรรคคนรุ่นใหม่ สภาพมันเลยเป็นอย่างนี้แต่ในกลุ่มเดียวกันนี้ก็มีการแข่งขันเพื่อความเป็นหนึ่งดำรงอยู่ปัญหาของพรรคประชาชนนอกจากถูกรุมกินโต๊ะแล้วยังมีประเด็น 44 สส.แก้ไข ม.112 อีก จึงต้องคิดหาช่องทางที่จะสร้างความนิยมให้เพิ่มขึ้น จึงจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งได้นี่คงเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่จะต้องคิดและหาทาง ไม่ใช่ฝันอยู่กับความนิยมเก่าๆ!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม