เมื่อมี “ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ที่ให้สิทธิแก่ประชาชนทุกคนในปี 2545 คำถามแก่ “ผู้ประกันตน” มีว่า...จ่ายเงินสมทบเพื่อการรักษาพยาบาลทุกๆเดือนอาจจะจ่ายมากเกินไป หรือจ่ายซ้ำซ้อนกับสิ่งที่คนไทยทุกคนควรได้รับจากรัฐจากการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือไม่“...ที่รัฐสมทบให้ผู้ประกันตนเพื่อการรักษาพยาบาลเทียบกับที่รัฐจ่ายให้บัตรทอง มีความเหลื่อมล้ำกันหรือไม่?”เชื่อมโยงต่อเนื่องไปถึงสิทธิอื่นๆเช่น “กองทุนชราภาพบำเหน็จบำนาญ” ที่จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต ในแง่ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบก็อยากเห็นภาพตรงนี้เหมือนกันว่าจ่ายสะสมไปแล้วเท่าไหร่ แล้วเราจะได้สิทธิเท่าไรเมื่อเรา “เกษียณอายุ” สิทธิของเราจะคงอยู่หรือไม่ จะมีความยั่งยืนไหม“ควรให้ข้อมูลได้รับทราบเหมือนกับที่กองทุนต่างๆเขาทำกัน อย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเราก็จะเห็นเลยว่าเงินที่จ่ายไปเกิดดอกผลเท่าไหร่ แต่กองทุนประกันสังคมนี้ผู้ประกันตนไม่ได้รับรู้ ไม่มีการสื่อสารตรงนี้อย่างเพียงพอ ซึ่งในแง่สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนควรจะได้ทราบสิ่งเหล่านี้”ได้เห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิตัวเองและไม่รู้สึกว่ามันเกิดความเหลื่อมล้ำในระหว่างสิทธิสวัสดิการกับกลุ่มอื่นๆ ศาสตราจารย์ ดร.วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ ที่ปรึกษาด้านหลักประกันทางสังคม ทีดีอาร์ไอ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สะท้อนมุมมองเอาไว้อีกว่า ในเรื่องบริหารจัดการในฐานะผู้ประกันตนก็คาดหวังว่าเงินที่เราส่งเข้าไปสู่กองทุนมีการบริหารจัดการที่ดีหรือไม่ยกตัวอย่างตัวเลขเมื่อสองปีที่แล้ว...เงินบริหารจัดการปีละ 5,000 ล้านบาท ถูกใช้กับเรื่องต่างๆอย่างไรบ้าง มีความโปร่งใสและใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่หรือว่า...เมื่อคณะกรรมการกองทุนฯมีการตัดสินใจเรื่องที่สำคัญๆ สิ่งที่ผู้ประกันตนควรรู้แต่ไม่ได้รู้ ผลการประชุมของคณะกรรมการประกันสังคมมีอะไรบ้าง ผู้ประกันตนก็อยากจะรู้บ้างว่าที่ผ่านมามีการใช้เงินเราในการบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งก็ควรจะต้องมีการเปิดเผยให้ผู้ประกันตนรับทราบอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา...มีงานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ว่าในอนาคตจะเกิดความเสี่ยงว่าเงินในกองทุนประกันสังคมจะไม่พอจ่ายให้กับผู้ประกันตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเงินชราภาพ“ไทยเป็นสังคมสูงวัย มีแนวโน้มที่วัยแรงงานจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันคนอายุยืนมากขึ้น ประกันสังคมต้องจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับแรงงานวัยเกษียณมากขึ้น...เหมือนกับว่ารับเข้ากระเป๋าน้อย แต่ต้องควักจ่ายมากขึ้นทุกวัน ควรจะมีการปรับโครงสร้างอะไรเพื่อรับมือหรือไม่”ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น คือแรงงานนอกระบบ ฟรีแลนซ์ต่างๆควรมีเครื่องมือหรือกลไกอะไรใหม่ๆ ที่จะมาดูแลสวัสดิการสวัสดิภาพของคนกลุ่มนี้เพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมก็ต้องไปหาคำตอบเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร “...ให้สิทธิของแรงงานไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานประเภทไหน ซึ่งต้องไปศึกษาวิจัยอย่างระมัดระวังว่าจะทำอย่างไร อย่างไรเสียเรายังคงต้องยึดหลักการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและให้กองทุนฯมีความยั่งยืน” ศาสตราจารย์ ดร.วรวรรณกล่าวทิ้งท้ายถึงตรงนี้หลายๆคนมีมุมมองเกี่ยวกับแนวทางในฝัน ปฏิรูปเพื่อทำให้ “เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข” ของกองทุนประกันสังคมเป็นไปได้จริงด้วยการปรับโครงสร้างการบริหารเงินกองทุนให้ยั่งยืน อาจจะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกันตนในการออมเพื่อการเกษียณ เช่น การให้เลือกเงินสมทบแบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพศึกษาความเป็นไปได้ในการขึ้นเงินสมทบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในอนาคต ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ...เพิ่มความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของผู้ประกันตน ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของกองทุนได้ง่ายขึ้น ตั้งองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบการใช้เงินกองทุนบางคนใช้ประโยคว่า...ต้องเตะหมูออกจากปากหมาให้ได้เสียก่อน?พร้อมๆกับปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้น อาจให้ผู้ประกันตนสามารถเลือกได้ว่า ต้องการให้เงินสมทบของตนเองไปเน้นที่สิทธิประโยชน์ด้านใด ปรับให้ผู้ที่ใช้สิทธิประโยชน์มากขึ้นต้องสมทบเพิ่ม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมรวมถึงส่งเสริมการ “ลงทุน” ของ “กองทุน” ให้มีประสิทธิภาพ ปรับการลงทุนของกองทุนให้กระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ศึกษาแนวทางการลงทุนของกองทุนประกันสังคมในต่างประเทศ เช่น นอร์เวย์ หรือสิงคโปร์แนวทางบูรณาการกับกองทุนสุขภาพของรัฐ ศึกษาความเป็นไปได้ในการรวมสิทธิประโยชน์บางอย่างของ “ประกันสังคม” กับ “บัตรทอง” ให้ผู้ประกันตนสามารถใช้บริการทางการแพทย์ได้สะดวกขึ้น แน่นอนว่าการรวม “กองทุนประกันสังคม (สปส.)”กับ “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)” เป็นแนวคิดที่มีการถกเถียงกันมายาวนาน โดยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย...มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ข้อดีคือการลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณและ...เพิ่มสิทธิการรักษาให้ประชาชนทุกคน แต่ข้อเสียก็อาจทำให้รัฐต้องใช้เงินมากขึ้นกระทบคุณภาพบริการ และทำให้กองทุนชราภาพของประกันสังคมไม่มั่นคงข้อเสนอที่สมดุลที่สุดคือ...เริ่มต้นจากการปรับมาตรฐานสิทธิการรักษาให้เท่าเทียมกันก่อน พัฒนาแนวทางบูรณาการมากกว่าการรวมกองทุนโดยสมบูรณ์ สร้างกลไกตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้เงินกองทุน ค่อยๆเริ่มค่อยๆปรับเพราะถ้าวางแผนไม่ดี...อาจสร้างปัญหามากกว่า.