ไฟใต้ระอุ บึมถล่ม 6 จุด “นราธิวาส-ปัตตานี” เจ้าหน้าที่พลีชีพรวม 5 ศพ บาดเจ็บระนาวอีก 10 คน ที่นราธิวาสกลุ่มโจรเหิมหนักยกพลนับสิบขึ้นรถกระบะบุกโจมตีที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ทั้งกราดยิงปาไปป์บอมบ์ถล่ม อส.ที่เฝ้าหน้าประตู ก่อนเข็นรถเก๋งคาร์บอมบ์บรรทุกระเบิด 100 กก. เข้าไปหน้าอาคาร กดชนวนตูมสนั่นรัวยิงถล่มซ้ำก่อนเผ่นหนีมี อส.เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บอีก 9 นาย แถมลอบวางบึมเสาไฟป่วนเมืองอีก 4 จุด ส่วนที่ปัตตานียิงปืนล่อเจ้าหน้าที่มาตรวจที่เกิดเหตุ ซุกระเบิดฝังดินใต้ศาลาที่พักริมทาง กดรีโมตบึมกระจุยฉีกร่าง อส.ทพ.กับผู้ช่วย ผญบ.ดับ 3 ศพ บาดเจ็บอีก 1 นาย “นายกฯอิ๊งค์” แสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย สั่งเยียวยาเต็มที่พร้อมเพิ่มกำลังป้องกันเหตุ “วันนอร์” ขอร่วมสร้างสันติในเดือนรอมฎอนสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เดือดระอุขึ้นมาอีกระลอก กลุ่มโจรใต้บุกถล่ม 2 จังหวัด เจ้าหน้าที่พลีชีพรวม 5 นาย ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ที่ จ.นราธิวาส คาร์บอมบ์ถล่มที่ว่าการอำเภอปลิดชีพ อส. 2 ศพ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9มี.ค. พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลัง ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ ใช้ปืนสงครามกราดยิง และปาระเบิดไปป์บอมบ์ ถล่มบริเวณที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ก่อนนั่งรถกระบะพากันหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 19.10 น. มีเจ้าหน้าที่ อส. อ.สุไหงโก-ลก เสียชีวิต 2 นาย คือ นายมูอำหมัด สาบรี นะสวัน อายุ 41 ปี และนายทศพล ผายพิมพ์ อายุ 32 ปี มีเจ้าหน้าที่ อส.และประชาชนได้รับบาดเจ็บอีก 9 คนจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีกว่า 10 คน แต่งกายเป็นผู้หญิงมุสลิมใช้ผ้าคลุมศีรษะอำพรางใบหน้า นั่งรถกระบะ 1 คัน และรถเก๋ง 1 คัน ที่ประกอบระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ขับตามกันมา เมื่อถึงจุดตรวจหน้าประตูทางเข้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คนร้ายทั้งหมดมีอาวุธปืนครบมือกระโดดลงจากรถทั้ง 2 คัน แยกย้ายเป็น 2 กลุ่มใหญ่ไปที่ประตูทางเข้า และประตูด้านซ้ายมือติดกับตู้เอทีเอ็ม ใช้ปืนกราดยิง และขว้างไปป์บอมบ์ถล่มใส่ อส.ที่เข้าเวรยามหน้า ประตูในลักษณะไม่ให้ยิงต่อสู้จากนั้นคนร้ายขับเก๋งคาร์บอมบ์ไปจอดที่ประตู ทางเข้า ซึ่งมีความลาดชัน ลงจากรถมาผลักรถเก๋ง ให้ไหลลงทางลาดเข้าไปบริเวณหน้าอาคารหอประชุม ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันขึ้นท้ายรถกระบะขับหลบหนี วนกลับมาทางเดิมมุ่งหน้าไปทาง อ.สุไหงปาดี พร้อมจุดชนวนระเบิดคาร์บอมบ์จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้นายมูอำหมัดสาบรี นะสวัน อส. เสียชีวิตคาที่ มี อส. และชาวบ้าน ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ระหว่างที่คนร้ายขับกระบะหลบหนีไปพบนายทศพล ผายพิมพ์ อส.ที่เดินทางเข้ามาสนับสนุน จุดเกิดเหตุใช้ปืนสงครามกราดยิงถล่มใส่ เสียชีวิตเป็นศพที่สองบนถนนห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 200เมตรจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเศษซากรถเก๋งที่ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ เป็นรถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์ บรรจุระเบิดแสวงเครื่องในถังแก๊สหุงต้มหนัก 100 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร อานุภาพของ แรงระเบิดทำให้รถเก๋งฉีกกระจุยเป็นเศษเหล็กชิ้นส่วน กระจัดกระจายในรัศมีกว่า 100 เมตร ด้านหน้าอาคาร หอประชุมได้รับความเสียหายทั้งแถบ รวมถึงด้านหน้า อาคารสรรพากร ห้องประชุมชั้น 2 ของที่ว่าการอำเภอ โรงจอดรถดับเพลิง อาคารที่ว่าการอำเภอหลังเก่าที่ใช้ เป็นสถานที่เก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และอาคารแฟลตการเคหะแห่งชาติที่อยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอได้รับ ความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งกระจกหน้าต่าง ประตู กระจกบานเกล็ด หลังคา รถ 6 ล้อ และรถยนต์หุ้มเกราะ ได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดทั้งหมดต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส น.อ.มนตรี โตประเสริฐ ผบ.ฉก.นย. เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุบริเวณถนน หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จุดที่คนร้ายกราดยิง และขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ถล่มเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เพื่อเบิกทางให้คนร้ายเข็นรถเก๋งคาร์บอมบ์ไหลลงไป จอดหน้าอาคารหอประชุม และเป็นเส้นทางที่คนร้ายวิ่งขึ้นรถกระบะพากันหลบหนีไปหลังก่อเหตุขณะเดียวกันได้รับรายงานว่าพบรถกระบะของคนร้ายถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในสวนปาล์ม ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบแล้ว ส่วนผลการตรวจสอบรถเก๋งที่ใช้เป็นคาร์บอมบ์ รถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม กต 9903 ปัตตานี มีการซื้อขายผ่านทางเฟซบุ๊ก มัดจำผ่านออนไลน์ และตรวจรับรถจ่ายเงินกันในพื้นที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเป็นการซื้อขายกันระหว่างใครพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 9 รายที่นอนรักษาตัวอยู่ รพ.สุไหงโก-ลก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งได้นำกระแสพระราชดำรัสความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีกล่าวให้ผู้ได้รับบาดเจ็บ ยังความปลาบปลื้มปีติแก่เจ้าหน้าที่ อส.และประชาชน พร้อมครอบครัวด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ประกอบด้วย นายสงกรานต์ ยูโซะ อายุ 19 ปี นายมัสลัน อารง อายุ 32 ปี นางรัชนีวรรณ จุ้ยทอง อายุ 47 ปี นายจิรภัทร อาแวสือแม อายุ 18 ปี นายแวซูลกีฟลี วาจิ อายุ 34 ปี นายมะดารี ตาเยะ อายุ 38 ปี นายณรงค์ชัย รัดรึงสุนทรี อายุ 52 ปี ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกายและมีแผลไหม้ ส่วนอีก 2 คน นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู คือ นายธวัชชัย ไชยศรี อายุ 42 ปี มีแผลไหม้ที่ใบหน้า ได้รับแรงกระแทกจากแรงระเบิดเข้าหน้าท้อง และนายอพิชัย บุตตะจีน อายุ 44 ปี มีแผลไหม้ระดับ 2 ที่ใบหน้า แขน และขา 2 ข้าง ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ ในคืนเดียวกันยังเกิดเหตุลอบวางระเบิดอีก 4 จุด เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ 2 จุดแรกอยู่ใน อ.สุไหงโก-ลก คือ บริเวณถนนเลียบทางรถไฟแยกอรกาน และบริเวณหน้าอู่จรัญ ถนนโต๊ะลือเบ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ประมาณ 3 กม. คนร้ายวางถังแก๊สปิกนิกบรรจุระเบิด แสวงเครื่องหนัก 20 กก. จุดละ 1 ลูก จุดชนวนด้วย วิทยุสื่อสารทั้ง 2 จุด เป็นลักษณะเบี่ยงเบนไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือสนับสนุนส่งกำลังไปที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนอีก 2 จุด ในอีก 2 อำเภอ แยกเป็นที่ อ.ตากใบ คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะ บรรจุไปวางไว้โคนเสาไฟริมถนนสายสุไหงโก-ลก- ตากใบ บ้านซีโป ต.โฆษิต จุดชนวนระเบิดทำให้เสาไฟฟ้า ล้มเอียง 2 ต้น และอีกจุดอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุและตัวจุดชนวนระเบิด ไปวางไว้ใต้โคนเสาไฟริมถนนสายสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง บ้านตลิ่งสูง หมู่ 1 ต.สุไหงปาดี ทำให้เสาไฟฟ้าหัก 2 ต้น ไม่มีผู้ได้รับ บาดเจ็บเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายนัดแนะก่อเหตุร้ายขึ้นใน 3 อำเภอ เพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะการบุกโจมตีที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก คนร้ายมีเป้าหมายสังหารเจ้าหน้าที่ อส. และทรัพย์สินของราชการส่วน จ.ปัตตานี ลอบวางระเบิดปลิดชีพ อส.ทพ.กับผู้ช่วย ผญบ. 3 ศพ เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 มี.ค. ร.ต.อ.สมพล เพียรดี รอง สว. (สอบสวน) สภ.สายบุรี รับแจ้งเหตุระเบิดมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บ้านฮูแตกอแล หมู่ 3 ต.เตราะบอน รายงานให้ พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก. สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง พร้อมชุดเก็บกู้ วัตถุระเบิดเข้าไปตรวจสอบ จุดเกิดเหตุเป็นศาลาที่พัก ริมถนน แรงระเบิดทำให้ศาลาพังเสียหายทั้งหลัง เหลือเพียงหลุมระเบิดขนาดใหญ่ลึก 1 เมตร กว้าง 2 เมตร ร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดระเบิดพังเสียหาย 2 หลัง มีเศษ ชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 15 กก.กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมไว้ เป็นหลักฐานในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ คือ นายมะรอมลี มะยะเด็ง อายุ 53 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่าย ปกครอง ถูกแรงระเบิดแขนขาขาดกระเด็น และนายอาดิศร ดอเลาะ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษา ความสงบ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะจนกะโหลกเปิด แขนขาหัก มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี เสียชีวิตในเวลาต่อมาเป็นศพที่ 3 คือ อส.ทพ.สมัย บุญยงค์ อายุ 46 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัวหลายแผล ส่วนอีกคน ชื่อ นายฮารง เยะแล อายุ 49 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว แพทย์ช่วยเหลืออาการปลอดภัยสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำขณะเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.4411 จำนวน 10 นาย ออกลาดตระเวนพื้นที่รับผิดชอบ รับแจ้งเหตุ มีคนยิงปืนบริเวณดังกล่าว ประสานฝ่ายปกครองใน พื้นที่เข้าร่วมตรวจสอบ พบปลอกกระสุนปืนสงคราม 6 ปลอก ตกอยู่บนถนนห่างจากศาลาที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร เจ้าหน้าที่ปิดก้ันพื้นที่เพื่อรอเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเก็บปลอกกระสุนปืนไปตรวจสอบ ขณะที่อาสาทหารพรานและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 นาย ไปนั่งรอบริเวณ ศาลาที่พักริมทาง คนร้ายไม่ทราบจำนวนคาดว่าแอบซุ่ม อยู่บริเวณที่เกิดเหตุได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 15 กก. บรรจุถังแก๊สปิกนิกฝังดินไว้ ใต้ศาลาที่พักจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นเหตุให้เสียชีวิต 3 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1 นายต่อมา ช่วงเช้าวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จ.ปัตตานี นำเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานและชุดสืบสวนสอบสวนเข้าที่เกิดเหตุเพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งไล่ตรวจสอบภาพ วงจรปิดตามเส้นทางทุกจุดเพื่อเร่งสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุ เชื่อว่าเป็นฝีมือแนวร่วมกลุ่มก่อความ ไม่สงบในพื้นที่สร้างสถานการณ์วางแผนลอบโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ โดยนำระเบิดแสวงเครื่องไปฝังไว้ใต้ศาลา ที่พักริมทาง แล้วไปยิงปืนก่อกวนเพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อนจุดชนวนระเบิดบึมสังหารหมู่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดใน จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานีว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ได้รับผลกระทบ เรื่องนี้ต้องเยียวยาและให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องความช่วยเหลือและการเยียวยาต้องเต็มที่ เมื่อถามว่า ช่วงนี้เป็นช่วงถือศีลอดรอมฎอนของชาวมุสลิมอาจต้องมีศาสนกิจในช่วงกลางคืนต้องเข้มงวดหรือไม่ นายกฯตอบว่า การเพิ่มกำลังต้องมีแน่ ขอไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนว่ามีการวางแผนเพิ่มกำลังมากน้อยแค่ไหน และไม่ใช่เฉพาะเรื่องการดูแล แต่เป็นความมั่นคงทางจิตใจ ให้ประชาชนด้วยว่าจะต้องดูแลและเพิ่มมาตรการมากขึ้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบมีความห่วงใย มาตลอด โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอนถือศีลอด เรากำลัง ทำความดี ศาสนาอิสลามต้องการสร้างสันติในเดือนรอมฎอน จะไม่ไปทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน บาปทั้งหลายควรงดเว้น ควรทำบุญเอื้อเฟื้อ เลี้ยงแขก การบริจาคการให้คนอื่นมีความสุขได้บุญมากกว่าเดือน อื่นๆถึง 70 เท่า อยากให้เดือนนี้เป็นเดือนที่ทุกคนปฏิบัติ ตามหลักการศาสนาไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใดพล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้น เดือนรอมฎอนปี 2568 ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.68 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกปฏิบัติศาสนกิจ รักษาศีลอด และทำความดี การก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์นี้ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนาและสร้างความสูญเสียอย่างร้ายแรง กระทรวงกลาโหมขอให้ประชาชนทุกคนร่วมประณามการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ขอยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. รู้สึกเสียใจและขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติของผู้สูญเสียทุกราย หลังเกิดเหตุสั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด และให้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด พร้อมกำชับให้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุในบางจุด โดยเฉพาะที่ยัง ไม่สมบูรณ์เพียงพอให้เร่งปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ โอกาสแก่ผู้ไม่หวังดีมีช่องทางที่จะกระทำได้ และนำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ โดยเร็วที่สุดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่