มีแต่คนโง่ที่ตกอกตกใจกับตลาดหุ้นไทยที่ร่วงระเนระนาด ตามสถานการณ์ ตลาดหุ้นล่าสุด หลุดแนวรับ 1,200 จุด ถือเป็นการปิดตลาดทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี และทำสถิติร่วงหนักสุดในลำดับต้นๆของตลาดหุ้นทั่วโลก แมลงเม่าปีกไหม้ นักลงทุนรายย่อยเสียหายยับ รายใหญ่ขาดทุนหนัก ต่างชาติถอนสมอ หนีกันกระเจิดกระเจิงว่ากันตามอารมณ์ชิลชิลแบบที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง มองว่าคนที่ ฉลาดจะมองเห็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และมองเห็นสิ่งนี้เป็นโอกาส ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและมองไม่เห็นโอกาส นั่นก็แสดงว่าคุณมองไม่เห็นโอกาสในพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีอยู่กับราคาตลาด หลักทรัพย์ที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจหรือไม่และนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงโพล ทั้งนิด้า และสวนดุสิตที่สะท้อนความไม่พอใจประชาชนต่อการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อไทย โดย รมช.คลัง บอกเราไม่ได้ดูจากความรู้สึก อารมณ์ แต่เราขับเคลื่อนประเทศด้วยตัวเลขของตัวเอง ยึดการมองจากตัวเลขเชิงประจักษ์ ที่ผ่านมาตัวเลขมีทิศทางที่ผงกหัวขึ้นทั้งการบริโภคและการลงทุนสะท้อนระดับความมั่นใจเกินร้อย โดยทัศนคติของมือเศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่สวนทางหักมุมกับกระแสนักลงทุนต่างประเทศที่มองจากภายนอก มองโลกแตกต่างจากนักลงทุนไทยที่ไม่มั่นใจกับสถานการณ์ แม้แต่ประชาชนคนไทยที่ผวากับสภาพการณ์เศรษฐกิจปากท้อง มองวิกฤติดำดิ่ง ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์และโดยเทคนิคโยงตัวเลขเปรียบเทียบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯพูดในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ระบุถึงภาพรวมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จีดีพีไทยรั้งท้ายอาเซียน แต่ตลอดทั้งปี 2567 จีดีพีไทยโตร้อยละ 2.5 ถือว่าดีขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 0.5 นัยว่าเศรษฐกิจไทยโตช้าเป็นผลต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อนๆแน่นอนด้วยเหตุฉุดจีดีพีไทยมาจากหลายปัจจัย ผลจากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองทำให้ขาดช่วงพัฒนาการทางเศรษฐกิจ พื้นฐานรองรับโลกยุคเอไอ ทั้งทักษะแรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน แต่นั่น ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจติดล็อก ตลาดหุ้นไม่ได้เผชิญวิกฤติดิ่งหนัก นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรงและถ้าพูดกันอย่างเป็นธรรมในยุครัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ ติดภาพเผด็จการ แถมเผชิญวิกฤติโควิด แต่ไม่เคยเผชิญวิกฤติความเชื่อมั่น ตลาดหุ้นดิ่งหนัก และพูดได้ว่าเป็นยุคที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้เนื้อได้หนัง เมกะโปรเจกต์ เดินหน้า นั่นก็เพราะไม่ติดเกมต่อรองทาง การเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม