สว.สีน้ำเงินดิ้นสุดแรง “บิ๊กเกรียง” ขู่ ซักฟอก-ยื่นสอย “ทวี” มั่นใจเสียงเพียงพอ ชี้ปมเหตุมาจากเกมยื้อแก้รัฐธรรมนูญ “พิสิษฐ์” ระดมหัวถกวิปวุฒิหาทางโต้กลับดีเอสไอ “อังคณา” เตือนเพื่อนอย่าคิดแก้แค้นทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง แนะใจกว้างเปิดทางทำความจริงให้ปรากฏ ประธาน กกต.ยันได้หนังสือดีเอสไอแล้ว “เสรี” กระทุ้ง กกต.ทำหน้าที่ ขืนเกียร์ว่างระวังจะติดคุกเอง ภท.กางปีกป้อง “ก๊วน สว.สีน้ำเงิน” ชี้เป็นอำนาจ กกต.ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ สับใช้อำนาจฝ่ายบริหารล้มฝ่ายนิติบัญญัติ พท.เย้ยกลับไม่ผิดก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ดีซะอีกที่ทำให้โปร่งใส “เด็จพี่” สวน “กินปูนร้อนท้อง” ให้กำลังใจ ขรก.กล้าทลายแก๊งฮั้วประเด็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมพิจารณาคดีโกงฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ส่อเค้าบานปลาย 2 พรรคร่วมรัฐบาลออกมาผสมโรงถือหางคนละฝั่ง โดยพรรคภูมิใจไทยถือหางฝั่ง สว.สีน้ำเงิน ชี้เป็นอำนาจของ กกต. ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ ขณะที่พรรคเพื่อไทยเตือนว่าอย่ากินปูนร้อนท้องไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัวสว.ท้ารบขู่ซักฟอก–ยื่นสอย “ทวี”เมื่อวันที่ 22 ก.พ. พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเดินหน้าตอบโต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่จะพิจารณารับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.ปี 2567 เป็นคดีพิเศษว่า มอบให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลดำเนินการแจ้งความผู้ที่กล่าวหาทั้งภาครัฐและเอกชน ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหาย ถูกเข้าใจผิด ในส่วนกรรมาธิการวุฒิสภาจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ และที่มาที่ไปของการตั้งข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ทั้งเรื่องอั้งยี่ซ่องโจร อาชญากรรมและภัยต่อความมั่นคง และจะเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ในประเด็นการดำเนินงานของดีเอสไอที่กล่าวหาวุฒิสภาเป็นไปด้วยเหตุและผลหรือไม่ จะหารือกับ สว.อีกครั้ง คาดว่าจะอภิปรายภายในสมัยประชุมนี้ เมื่อถามว่าจะอภิปราย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนเดียวหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรตอบว่า เป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และต้องดูด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ สว.จะพิจารณาเข้าชื่อเสนอให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คาดว่าเสียงน่าจะเพียงพอเชื่อเกมการเมืองโยงยื้อแก้ รธน.ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้เป็นเกมการเมืองหวังล้ม สว.สีน้ำเงินหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกรตอบว่า คิดว่าโยงใยมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อาจมีแค่ส่วนหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย จึงต้องแถลงข่าวด่วนระหว่างการสัมมนาที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 38 ปี แต่พอมาดูข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ รู้สึกรับไม่ได้ สว.คนอื่นก็เช่นเดียวกัน ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมาระดมหัวถกวิปวุฒิโต้กลับดีเอสไอนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.กลุ่มสีน้ำเงิน กล่าวว่า ในการประชุมวิปวุฒิสภาวันที่ 26 ก.พ. จะหารือถึงการดำเนินการเอาผิดฝ่ายที่เกี่ยวข้องกล่าวหาเรื่องการฮั้วเลือก สว.อย่างไรบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าการประชุมวุฒิสภา วันที่ 24 ก.พ.นี้ จะมี สว.คนใดหยิบประเด็นดังกล่าวมาหารือในที่ประชุมหรือไม่ ยืนยันว่ากระบวนการเลือก สว.ทำถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย ไม่เข้าใจว่าผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ได้อย่างไร ยิ่งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เป็นภัยต่อความมั่นคง ตามที่ดีเอสไอกล่าวหายิ่งงงหนัก ไปเข้าข่ายได้อย่างไร สว.ทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยไปพบกันที่โรงแรมตามที่มีการกล่าวหา เพิ่งมารู้จักกันในที่ประชุมหลังเป็น สว.แล้ว การเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจรต้องรู้จักกันมาก่อน ส่วนการมองว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อตอบโต้ สว.ที่ยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีความเป็นไปได้ หรือจะมองเป็นเหตุประจวบเหมาะก็ได้ กรณีการร้องเรียนฮั้วเลือก สว. ร้องมาตั้งแต่ปลายปี 2567 แต่พอมีข่าวเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเลยมีการประโคมข่าวจับแพะชนแกะกัน“อังคณา” ติงอย่าทำเพื่อแก้แค้นนางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวว่า กรณีข่าว สว.จะล่ารายชื่อถอดถอนและฟ้องร้องดำเนินคดี รมว.ยุติธรรม ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการโต้กลับลักษณะเช่นนี้อาจถูกมองว่าเป็นการแก้แค้น หรือตอบโต้เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบ ที่ผ่านมาสังคมมีการตั้งคำถามถึงการเลือก และการปฏิบัติหน้าที่ของ สว.มาตลอด การตรวจสอบของดีเอสไออาจเป็นหนทางหนึ่งที่ สว.ทุกคนจะได้พิสูจน์ตัวเอง ให้สังคมได้ทราบข้อเท็จจริง หากไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าวหา ผู้กล่าวหาก็ต้องชดใช้เยียวยาความเสียหาย และคืนศักดิ์ศรีให้ สว.ที่ถูกกล่าวหา รวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กล่าวหาต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการฟ้องเพื่อปิดปาก ปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ เนื่องจากกรณีนี้สังคมให้ความสนใจมาก และ สว.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนี้มาตลอด ส่วนตัวเห็นว่าสิ่งที่ สว.ควรทำคือ ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมยอมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่ายแสดงความบริสุทธิ์แนะใจกว้างทำความจริงให้ปรากฏนางอังคณากล่าวว่า คำถามว่าทำไมต้องเป็นดีเอสไอ ก็เพราะ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษให้อำนาจดีเอสไอทำคดีที่ซับซ้อน คดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล หรือคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และยังมีอำนาจให้ความคุ้มครองพยาน ให้พยานรู้สึกปลอดภัยและสามารถให้การเป็นพยานในชั้นศาลได้ เรื่องนี้ สว. ที่จะลงชื่อฟ้องคงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการป้องกันตนเอง กับประโยชน์ที่สาธารณะจะพึงได้รับ เนื่องจากสิทธิประโยชน์ต่างๆของ สว.ทุกบาททุกสตางค์ล้วนมาจากภาษีประชาชน ประชาชนจึงต้องสามารถตรวจสอบการทำหน้าที่ของ สว.ผ่านกลไกต่างๆได้ อีกทั้งเรื่องนี้มีผู้ไปร้องเรียนต่อดีเอสไอ และ กกต.แล้ว จึงควรทำความจริงให้ปรากฏ การปกป้องศักดิ์ศรีกับการปิดกั้นประโยชน์สาธารณะ จึงเป็นคนละเรื่อง ในฐานะที่ สว.ได้ชื่อว่า สว.ของประชาชน ควรถ่อมตน ใจกว้างและยอมรับการตรวจสอบ ทำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย“อิทธิพร” ยันได้หนังสือดีเอสไอแล้วนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีดีเอสไอมีหนังสือด่วน แจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี กรณีมีผู้ร้องต่อดีเอสไอเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว. ที่ดีเอสไอทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่ามีขบวนการดังกล่าวจริง เข้าข่ายความผิดอาญาฐานอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงประสงค์จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการว่า ทราบว่าสำนักงาน กกต.ได้รับหนังสือฉบับนี้แล้ว อยู่ระหว่างการประมวลเรื่องและจัดทำความเห็นของสำนักงานฯ เพื่อเสนอที่ประชุม กกต. พิจารณาตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานที่วางไว้ ส่วนที่ปรากฏหนังสือว่าสำนักงาน กกต.มีการตอบกลับไปที่ดีเอสไอว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้ กกต.นั้น เป็นเพราะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงาน กกต. “เสรี” เตือน กกต.ระวังจะติดคุกเองวันเดียวกัน นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นอำนาจหน้าที่เฉพาะของ กกต.หรือไม่ ต้องไปดูการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ การกระทำเดียวกันอาจเป็นความผิดกฎหมายการได้มาซึ่ง สว.ได้ ขณะเดียวกันอาจเป็นความผิดกฎหมายอาญา ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ฟอกเงินหรือฐานอื่น ดังนั้นดีเอสไอจึงมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีผู้ทำผิดข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ฟอกเงินหรือฐานอื่น เพราะเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท พูดกันตามเนื้อผ้า ประชาชนทั้งประเทศ สื่อมวลชนทราบดีว่ามีการบล็อกโหวต ลงคะแนนเป็นชุดๆ มีพฤติการณ์อื่นที่ชัดเจน จนถูกเรียก สว.สีน้ำเงิน ปัญหาใหญ่อยู่ที่ กกต.ไม่ทำหน้าที่ รับรองผลเลือกไปแล้ว แต่ไม่ตรวจสอบการร้องเรียน ไม่ทำให้กระจ่าง เรื่องก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งผ่านไปนาน กกต.จะมีความผิดชัดเจนมัดตัวมากขึ้น กระบวนการเลือกตั้งต้องให้ความเป็นธรรมสร้างความถูกต้อง แต่ กกต.ไม่ทำเป็นบรรทัดฐาน น่าเสียใจ น่าเสียดายกฎหมายเขียนไว้อย่างดี ปัญหาอยู่ที่คน อยากเป็น กกต.แต่ไม่ทำหน้าที่ ไม่รู้จะมาเป็นทำไม หากมีหน้าที่แล้วไม่ทำ กกต.จะเป็นคนติดคุกเองภท.กางปีกป้อง สว.ก๊วนสีน้ำเงินด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่ากรณีดีเอสไอจะยกคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นประเด็นทางกฎหมายที่น่าสนใจ เจตนารมณ์ของการจัดตั้งดีเอสไอ เพื่อเป็นพนักงานสอบสวนในคดีอาญา คดีอาชญากรรมที่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจ กระทำความผิดที่ซับซ้อนมาก ไม่น่าจะรวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้เฉพาะ โดยเฉพาะ สว.ที่สรรหาตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มี กกต.รับรอง สว. จึงมีคำถามว่าแม้ รมว.ยุติธรรมบอกว่า อาจรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา สามารถทำได้ เพราะถือกฎหมายคนละฉบับ แต่เมื่อพิจารณาให้ละเอียด การพ้นตำแหน่งของ สว.ภายหลังจาก กกต.รับรอง ย่อมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 แม้ดีเอสไอจะดำเนินคดีอาจทำได้เฉพาะบุคคล แม้จะดำเนินคดีอาญาเฉพาะบุคคลในสมัยประชุม ก็ต้องขออำนาจจากสภาใช้อำนาจบริหารล้มฝ่ายนิติบัญญัตินายคารมกล่าวอีกว่า ที่อ้างว่าการเลือก สว.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ กกต.รับรองและยืนยันแล้วว่าไม่มีข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำกล่าวหา หรือคำร้อง หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษดำเนินคดีอาญากับ สว. จะถือว่าจงใจใช้อำนาจที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่ รมว.ยุติธรรมอ้างว่ามี สว.ถึง 138 คนเข้าข่ายกระทำผิด ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สว. ต้องมีการเลือก สว.ขึ้นใหม่ให้ครบ 200 คน ถึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ย่อมแปลได้ว่าดีเอสไอสามารถล้มการเลือก สว.ได้ และการที่ รมว.ยุติธรรมเป็นฝ่ายบริหารและเป็นผู้บังคับบัญชาดีเอสไอ แต่ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ ถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และมีผลอย่างไร เป็นการใช้อำนาจขององค์กรในฝ่ายบริหารมาล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ ดูสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ และอาจเป็นจุดจบของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยอ้างว่าฮั้วเลือกตั้ง เชื่อว่าเจตนารมณ์ตอนร่างกฎหมายไม่น่าจะเป็นแบบนี้พท.เย้ยไม่ผิดก็ไม่มีอะไรต้องกลัวขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ดีเอสไอ ของ สว.สีน้ำเงินว่า ความกลัวทำให้เสื่อม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่มีอะไรต้องกลัว การที่มีคนสมัครเป็น สว.เกือบ 5 หมื่นคน เพื่อให้ได้ สว.จำนวน 200 คน มีคนเข้าร่วมและเห็นกระบวนการได้มาซึ่ง สว.จำนวนมาก การร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการเลือก สว.บางส่วนอาจมีการทำโพยฮั้วกันหรือไม่ ถือเป็นสิทธิที่จะตั้งข้อสังเกตว่าขบวนการจัดตั้งการฮั้ว สว.อาจมีจำนวนผู้สมัครที่อยู่ในขบวนการประมาณ 1,200 คน มีการพักที่เดียวกัน แจกเสื้อสีเดียวกัน อำนวยความสะดวกในการจัดหารถตู้โดยสารส่งผู้สมัคร ทำกันเป็นขบวนการ ส่วนจะตรวจสอบ สว.หรือตัวสำรองคนใด ต้องให้ผู้รับผิดชอบได้ทำงาน เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมืองบั่นทอนวุฒิสภา เพราะมี สว.ที่ไม่ได้เดือดร้อนจากการตรวจสอบครั้งนี้อยู่จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าผลการตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิด จะ สว.สายสีน้ำเงินหรือสีไหน ก็เดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อะไรที่คลุมเครือ ที่สังคมกังขา ทำให้โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่มีอะไรต้องกลัว“สุทิน” บอกให้ไปตั้งหลักคิดซะใหม่นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องของนักการเมืองหรือบุคคลสาธารณะ ถ้าสังคมสงสัยหรือติดใจการทำหน้าที่ หรือที่มา มีองค์กรที่เขาต้องตรวจสอบ ถือเป็นเรื่องปกติเป็นระบบที่ดี การขู่จะเอาคืนคนที่ตรวจสอบ สว. ต้องตั้งหลักคิดให้ดีว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ ไม่เช่นนั้นสังคมอาจมองว่าเป็นบุคคลสาธารณะที่ไม่พร้อมให้สังคมตรวจสอบ เช่นเดียวกับ สปส.ที่ต้องพร้อมให้สังคมตรวจสอบ ไม่ควรใช้ท่าทีในลักษณะใช้อารมณ์ เมื่อถามว่า สว.ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องการเมือง นายสุทินตอบว่า สว.อาจคิดได้แต่ต้องดูที่เหตุ ถ้าไม่สมควรแก่เหตุอาจมองว่าเป็นเรื่องการเมืองเรื่องกลั่นแกล้งได้ แต่ถ้าเราบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเสียหายตามที่สังคมสงสัย ก็ไม่จำเป็นต้องไปวิตกกังวล เมื่อถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ไม่เกี่ยว การแก้รัฐธรรมนูญมีวิถีทางของมันอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่พลาดการเป็น สว.อาจเห็นความไม่ชอบมาพากลถึงร้อง“เด็จพี่” สวนพวกกินปูนร้อนท้องนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สว.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติควรมีวุฒิภาวะ เมื่อถูกกล่าวหาควรปล่อยให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการไปตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ มีพยานหลักฐานอะไรแก้ต่างก็หามาสู้ ถ้าไม่ผิดก็เป็นการพิสูจน์ตัวเอง ดีกว่าออกมาตอบโต้ในลักษณะประกาศสงคราม จะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่กำกับดูแลดีเอสไอ กินปูนร้อนท้องหรือเปล่า ร้อนตัวหรือไม่ กลุ่ม สว.ที่ถูกร้องเรียน ดีเอสไอยังไม่ได้เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร กลุ่มใด ท่านเล่นออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมสวนกลับหน่วยงานตรวจสอบ คนเค้ารู้กันหมดว่าใครเป็นใคร สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะคนกลั่นกรองกฎหมาย ออกกฎหมาย คนที่จะเลือกองค์กรอิสระ ที่ควรต้องทำงานเป็นอิสระจริงๆ ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง เป็นตัวอย่างที่ดี อยากเรียกร้องให้ สว.กลุ่มนี้ตั้งสติ กลับไปเตรียมหลักฐานชี้แจงให้หน่วยงานต่างๆ ทำหน้าที่ดีกว่า คงดูสง่างามมากกว่า ทองแท้ไม่กลัวไฟให้กำลังใจ ขรก.กล้าทลายแก๊งฮั้วนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอตั้งคำถามไปยังกลุ่ม สว.เหล่านี้ว่า สิ่งที่กำลังทำเป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เป็นการสกัดกั้นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือเปล่า ดูเหมือนน่าจะเป็นการข่มขู่หน่วยงานและข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ ตนขอให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องฮั้ว สว.ในครั้งนี้ และขอให้พี่น้องประชาชนร่วมให้กำลังใจด้วย สว.กลุ่มนี้ก็ไม่ควรกลัวการตรวจสอบ เดี๋ยวจะเข้าลักษณะว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เรื่องนี้ประชาชนจับตาดูอยู่กมธ. เชิญ “ธนดล” แจงสอบรุก ส.ป.ก.อีกเรื่อง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กมธ.มีหนังสือด่วนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ดินใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทั้งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรมที่ดิน และนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ประธานคณะทำงานการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่กำกับดูแลนิคมสร้างตนเอง มาชี้แจงในวันที่ 26ก.พ. ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าตรวจสอบที่ดินทำกินที่มีปัญหาทับซ้อน รวมถึงการใช้ที่ดินผิดประเภทในพื้นที่ อ.ปากช่อง และพิจารณาผลกระทบที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว เราอยากเห็นการทำงานแบบตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงหากมีปัญหาเรื่องการออกเอกสารสิทธิที่ทับซ้อน ก็อยากหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่