เมื่อ 6 ปีก่อน วิกฤติการบินไทย ที่โคม่า ร่อแร่ จนอาการสาหัส ชนิดไม่อยู่ก็ไป เพราะ “วิกฤติซ้อนวิกฤติ” ขาดทุนสะสมมหาศาล 1.4 แสนล้าน เจ้าหนี้ 13,000 ราย รวมมูลค่าหนี้ 1.8 แสนล้าน และทุนติดลบ 70,000 ล้าน จาก “การดำเนินการ” ที่ ยุคไหนใครบ้าง ก็รู้เห็นกัน ว่ายำจนเละ จนเป็น ภูเขาพอกหางไดโนเสาร์ พอเจอวิกฤติต่างๆที่กระหน่ำซ้ำเติม ทั้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์, ราคาน้ำมันพุ่งสูง, น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554, สงครามการค้า, การเปิดเสรี การแข่งขันอุตสาหกรรมการบิน, โควิด-19 ฯลฯ ก็ยิ่งทำให้การบินไทยแย่หนัก โบนัสไม่มี เงินเดือนก็ไม่ขึ้น เครื่องไม้เครื่องมือก็เก่า ล้าสมัย และยังมี ปัญหาภายใน ที่ระบบการบริหาร ไม่เป็นธรรม (เป็นมาชั่วกัปชั่วกัลป์) มี แดนสนธยา ใครห้ามแตะผลประโยชน์ที่ครองอยู่ มี วัฒนธรรมแบบเล่นพรรคพวก และสิ่งสำคัญ ที่ ล่มสลาย หายไปเลย คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าณ เวลานั้น รัฐบาลจึงเหลือทางเลือก แค่ 3 ทางคือ 1.หาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อ (ซึ่งยากมาก เพราะแหล่งเงินทุนกลัวหนี้สูญ หลังจากหนี้เก่าก็ยังไม่ได้จ่าย) 2.ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย (ซึ่งจะกระทบกับผู้ถือหุ้นกว่า 1 แสนราย เจ้าหนี้ 1.3 หมื่นราย และผู้ถือหุ้นกู้ 2-3 ล้านราย) หรือ 3.ให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล--สุดท้าย เมื่อ 19 พ.ค.2563 คณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีมติ ให้ การบินไทย เข้าสู่ การฟื้นฟูกิจการ ภายใต้กระบวนการศาลล้มละลายกลางโดย ชาญศิลป์ ตรีนุชกร อดีต DD ซึ่งเป็นทั้งกรรมการและกรรมการอิสระ, รักษาการ DD และ 1 ในคณะผู้ทำแผนฟื้นฟู ได้นำแนวทางที่ถามนายกรัฐมนตรี 3 ข้อสำคัญ คือ 1.การบินไทยยังต้องมีอยู่ไหม 2.การบินไทยสามารถเอาคนออกได้ไหม 3.การบินไทยจำเป็นต้องเป็นรัฐวิสาหกิจไหม มา นำชาวการบินไทย “พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต” ตั้งแต่ 14 ก.ย.2563 เริ่มด้วย ให้พนักงานสมัครใจลาออก หรือหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้าง 6 เดือน จากนั้นก็หาสารพัดวิธี เพื่อหาเงินใช้หนี้ธนาคาร หุ้นกู้ ผู้ให้เช่าเครื่องบิน เจ้าหนี้การค้า ซึ่งต้องทำให้ได้ หลักสำคัญคือ ต้องหาทาง เพิ่มรายได้ ซึ่งทำทุกทาง เช่น เปิด Chef Signature Menu ช่วงที่คน Work from Home จัด Food Fair “อร่อยล้นฟ้า ไม่ต้องบินก็ฟินได้” ร้านอาหารในสำนักงานใหญ่ จำลองบรรยากาศ First Class และ Business Class จัดแพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวง เช่น “บินรับมงคลบนฟากฟ้า ผ่าน 99 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในไทย” แพ็กเกจเที่ยวเยาวราช “จากมงคลบนฟ้า เชื่อมพสุธา บนเส้นทางมังกร” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมบารมี เชื่อมพลัง ฟ้า ดิน เปิด Course We miss you สานฝัน คนอยากเป็นนักบิน ให้ฝึกบินใน Flight Simulator, นำอุปกรณ์ที่หมดอายุ เสื้อชูชีพ ผ้าใบแพยาง มารีไซเคิล จนถึงขายปาท่องโก๋ ฯลฯ--นอกจากเพิ่มรายได้ทุกวิธี ทั้งมาร์เก็ตติ้ง มูเก็ตติ้ง ยัง ลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดพนักงาน 2.1 หมื่นคน ให้เหลือ 1.4-1.5 หมื่นคนในปี 2564-2565 ซึ่ง คุณมรรค–ชาญศิลป์ ซาบซึ้งมาก ที่ “ผู้เสียสละ” ยอมรับค่าชดเชยแบบเงินผ่อน 12 เดือนดิ้นทุกทาง แต่ถึงวันยื่นแผนฟื้นฟูต่อศาล ครั้งที่ 1 เมื่อ ม.ค.64 ก็ยังไม่พร้อม เพราะคณะทำแผนบางคนไม่เห็นด้วย กับเจ้าหนี้ไม่ยอม จนครั้งที่ 2 เดือน ก.พ. ก็ยังยื่นไม่ได้ เพราะเจรจาต้าอวยกับเจ้าหนี้ไม่ครบยังมีเจ้าหนี้ไม่โอเค จึงเหลือเวลาอีกเดือนเดียว เพราะถึง เส้นตาย เลื่อนไม่ได้อีกแล้ว คุณมรรค จึงไปไหว้หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรฯ วัดเล่งเน่ยยี่--ซึ่งในที่สุดทุกคนก็ยอมลงนาม จนส่งแผนฟื้นฟูฯศาลทัน 2 มีนาคม 64 จากนั้นคณะทำแผนฯก็เผชิญเรื่องยากๆสมองบวมมาตลอด เพราะมีเจ้าหนี้ถึง 36 กลุ่มแต่ด้วยการบริหารสไตล์ คุณมรรค ที่เข้าใจ เข้าถึง ขยันคุยกับพนักงาน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ใช้วิธี “Synergy” รวมพลัง ทำงานเป็นทีม ใช้พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ จนผ่านจุดตกต่ำสุดๆมาได้ ทำให้ปี 2566 เริ่มมีกำไร และปี 2567 ผลประกอบการก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีตามแผน เส้นทางบินเติบโตขึ้น โดยเฉพาะยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ครึ่งปีแรก จึงมีรายได้ 89,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และมีกำไรสุทธิ 2,738 ล้าน ส่วนของผู้ถือหุ้น ลบ 40,430 ล้านบาทคุณมรรค จึงนำเรื่องราวที่ฝ่าฟันร่วมกับชาวการบินไทยมาเขียนไว้ในพ็อกเกตบุ๊ก ที่ขายดี และแจกดี (เพราะเจ้าหนี้ 1.3 หมื่นราย ต้องอยากอ่านแน่) ชื่อ พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์สายการบินแห่งชาติ ที่พบความมืดมนจนยากที่สุดแล้ว หลังก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2503 และแป้กจากวิกฤติต่างๆ แต่ในที่สุด ก็สามารถขึ้นบินผงาดบนฟากฟ้าได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง--ด้วยความหวังว่าปีกจะไม่ป่วยจนแทบหักอีกแล้ว."โสมชบา"คลิกอ่านคอลัมน์ "ของว่างวันอาทิตย์" เพิ่มเติม