ชุดสืบสวนพีซีทีเปิดปฏิบัติการ “ทลายรังบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน” แสร้งให้รักแล้วหลอกลงทุน บุกจับสาวทอมชาวจีนพร้อมแฟนสาวอดีตครูโรงเรียนชื่อดังคาเซฟเฮาส์ย่านบางแก้ว จ.สมุทรปราการ พร้อมตามรวบผู้ร่วมแก๊งอีก 3 คน ทั้งคู่เป็นหัวหน้าระดับสั่งการ จัดหาคนเปิดบัญชีม้าและนำเงินเหยื่อแปลงเป็นเงินดิจิทัลก่อนโอนไปให้ตัวการใหญ่ที่ฝังตัวอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจสอบของกลางบัญชีธนาคาร 102 บัญชี พบมีผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์รวม 132 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 91 ล้านบาทชุดสืบสวนพีซีทีบุกทลายแก๊งแสร้งให้รักแล้วหลอกลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และรอง หน.ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) แถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการ “ทลายรังบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน” หลังนำกำลังตรวจค้นบ้านเลขที่ 129/14 โครงการหมู่บ้านอินดี้ 4 ซอยเมืองแก้ว ถนนบางนา-ตราด กม.7 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จับกุม น.ส.โจว โจว อายุ 29 ปี สาวทอมชาวจีน และเป็นบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน น.ส.อลิษา หรือเล็ก ล่ำกระโทก อายุ 31 ปี ชาวโคราช แฟนสาวของ น.ส.โจว ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันเป็นอั้งยี่และซ่องโจร พร้อมของกลางบัญชีธนาคาร 102 บัญชี บัตรเดบิต 70 ใบ ซิมโทรศัพท์กว่า 1,000 ซิม โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และโน้ตบุ๊ก 1 เครื่องสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความที่ สน.พระโขนง ว่าถูกคนร้ายปลอมโปรไฟล์มาพูดคุยหลอกให้เหยื่อหลงรัก “ฟิวแฟน” ก่อนชักชวนให้ลงทุนร้านค้าติ๊กต่อกของสิงคโปร์ จากนั้นลวงทำภารกิจกดรายการสั่งซื้อให้เหยื่อออกเงินไปก่อน ครั้งแรกได้รับเงินคืนหลังจากเพิ่มยอดเงินไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าเหยื่อกดล่าช้าต้องเพิ่มเงินอีกถึงจะถอนเงินในระบบได้ เป็นแผนประทุษกรรม “ฟิวแฟนสแกมเมอร์” ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าคนร้ายนำเงินที่ได้ไปแปลงเป็นเงินดิจิทัลผ่านช่องทางแอปฯ บ.ชื่อดังของไทย ชุดสืบสวนแกะรอยทราบว่า น.ส.โจวเป็นหัวหน้าแก๊งใช้ชีวิตหรูหราเปิดเซฟเฮาส์เป็นรังรักอยู่กับ น.ส.อลิษา อดีตครูสาวโรงเรียนชื่อดังย่านซอยลาซาล กทม. เพิ่งลาออกมาคบหากันได้ไม่นานชุดสืบสวนขยายผลจับผู้ร่วมแก๊ง ได้แก่ นายสุกฤษฏิ์ หรือฟลุ้ค ขัติยศ อายุ 26 ปี ชาว จ.นครนายก น.ส.อาทิตยา หรือเปรม พงษ์สวัสดิ อายุ 24 ปี ชาว จ.เชียงราย ข้อหาร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆเพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และนายสุเชษฐ์ คำเขียว อายุ 40 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ข้อหาเปิดบัญชี หรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมดเกี่ยวข้องทำหน้าที่เปิดบัญชี และถอนเงินเหยื่อแปลงเป็นเงินดิจิทัลจากการสอบสวน น.ส.โจวให้การว่า มีบอสใหญ่อีกคนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านคอยดูแลออฟฟิศสแกมเมอร์ ตนมาฝังตัวอยู่ไทยทำบัญชีเงินที่ได้จากการหลอกลวง บอสใหญ่จะโอนเงินมาให้เพื่อให้หาคนเปิดบัญชีม้า และนำเงินไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัลก่อนโอนกลับไปให้บอสใหญ่ ส่วน น.ส.อลิษาแฟนสาว ตอนแรกเป็นครูแล้วลาออก ชวนให้มาทำงานด้วยกันเพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนสาวทำหน้าที่ตอบแชต จัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าและเปิดบัญชีวอลเล็ตด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า มีพยานหลักฐานมัดชัดว่า น.ส.โจว และ น.ส.อลิษาเป็นระดับหัวหน้าสั่งการในไทย จัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิทัล รับโอนเงินผู้เสียหายของแก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน จากนั้นนำเงินบาทแปลงเป็นเงินดิจิทัล ตรวจสอบของกลางบัญชีธนาคารพบเชื่อมโยงในระบบรับแจ้งความออนไลน์รวมทั้งสิ้น 132 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ ผอ.ศปอส.ตร. สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่