“หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ากระทรวงกลาโหมถก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รมว.กลาโหม เตรียมเสนอ 4 มาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมชมมาตรการตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดการส่งน้ำมัน เกิดผลเป็นรูปธรรมจนนานาชาติยอมรับ ขอให้ไทยดำเนินการต่อ ด้าน “โรม” เกาะติด เรื่องปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลอยนวลโดยไม่คัดกรอง จี้ “แพทองธาร” ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด “หม่องชิต ตู่” เลขาธิการ BGF สั่งทหารพร้อมอาวุธครบมือลุยกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ชเวโก๊กโก่ นำคนที่ทำงานอยู่ในตึกสูงออกมาได้จำนวนหนึ่งส่งให้ ตม.เมียนมาสอบคัดแยกและยังมีติดค้างบนตึกอีกกว่า 1 พันคน ขณะที่มาตรการ 3 ตัด ของไทยทำให้ทุนจีนดิ้นหนัก น้ำมันราคาพุ่งสูงถึงลิตรละ 100 บาทไทย รอง ผบช.ไซเบอร์ เผยการคัดแยกแก๊งคอลฯ 260 คน ยืนยันมีบางรายกุเรื่องถูกหลอกเลี่ยงถูกดำเนินคดีจีนและนานาชาติยอมรับมาตรการ 3 ตัดของไทยคือ “ตัดไฟ ตัดเน็ตและตัดน้ำมัน” ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของบรรดาจีนเทา ที่มาปักหลักฝังรากหยั่งลึก ก่อคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในพื้นที่ชายแดนสหภาพเมียนมาฝั่งตรงข้ามไทย ได้ผลดี พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการต่อ ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” ห่วงเรื่องการนำเหยื่อการค้ามนุษย์ของแก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ได้รับการช่วยเหลือพ้นขุมนรกออกมาได้ กลับประเทศตามสัญชาติโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดแยกจะก่อให้เกิดปัญหาในภายภาคหน้าเมื่อเที่ยงวันที่ 19 ก.พ. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถามว่า เรากำลังจะปล่อยให้อาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลอยนวล เรื่องใหญ่มาก ถ้าคนที่เคยอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะถูกส่งตัวไปประเทศต่างๆโดยไม่ผ่านกระบวนการ คัดแยกเหยื่ออาชญากร นั่นหมายความว่า เราจะไม่มีข้อมูลสำคัญที่จะนำไปใช้เพื่อจัดการกับบรรดาอาชญากรต่างๆที่จะนำไปสู่การทลายโครงสร้างอย่างถอนรากถอนโคน ถ้ากระบวนการของเรา ไม่แม้แต่เก็บข้อมูล อัตลักษณ์ หรือไบโอเมตริกซ์ ต่อไปในอนาคตพวกนี้ก็จะสามารถกลับมาที่ประเทศไทยได้ ทำราวกับว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และอาจจะรวมไปถึงใช้พาสปอร์ตของสัญชาติอื่นเดินทางผ่านเข้าประเทศไทยเพื่อก่ออาชญากรรมต่อไปนายรังสิมันต์ระบุด้วยว่า ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนชาวไทย ท่านปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ท่านรับผิดชอบไม่ไหวหรอกครับ นี่เราจะปล่อยโอกาสให้การทำข้อมูลเครือข่ายอาชญากรรมครั้งใหญ่หลุดรอดมือของเจ้าหน้าที่รัฐไทยไปได้อย่างไร เราจะไปหวังพึ่งประเทศอื่นให้มาจัดการปัญหาอาชญากรรมไม่ได้ ผลประโยชน์ของคนไทยประเทศไทยต้องจัดการเอง ในวันพรุ่งนี้ผมได้เชิญหน่วยงานมาพูดคุยในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์หรือไบโอเมตริกซ์ รวมถึงการพูดคุยเพื่อปราบปรามไทยเทา หน่วยงานต่างๆทำการบ้านมาได้เลยว่าทำไมถึงจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ เครื่องมือของเราก็น่าจะมีเพียบพร้อมไม่ใช่หรือครับ นี่ไม่ใช่ทิศทางที่ดีเลยขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวที่โรงแรมชาเทรียมแกรนด์ ถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ขอให้รัฐบาลทบทวนการส่งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศโดยไม่มีการเก็บอัตลักษณ์ ห่วงกลับมาทำผิดซ้ำอีกว่า ต้องขอบคุณนายรังสิมันต์ โรม ที่เสนอแนะ แต่ควรเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขอย้ำว่าทางการจีนเดินทางมาไม่ได้เป็นการรุกล้ำอธิปไตยไทย ย้ำว่าจีนไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ที่จริงไทยเป็นคนช่วยจีนในการแก้ปัญหาส่วนที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะไทย-จีนแต่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศต่อมาเวลา 15.45 น. นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม เข้าหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ถึงการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ ขณะที่การประชุมจีนเสนอ 4 มาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วย1.เสริมสร้างกลไกไตรภาคีภายใต้อำนาจอธิปไตยและกฎหมายและกฎหมายท้องถิ่น ในอนาคตอาจเพิ่มสมาชิก ขอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเตรียมความพร้อมและประชุมเป็นทางการ ตามที่ไทยกำหนด สาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมสนับสนุน 2. มาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตและน้ำมันเชื้อเพลิง เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ขอให้ไทยดำเนินการต่อ แม้จะมีการเรียกร้องจากสหภาพเมียนมาให้ยกเลิก 3. ให้การสกัดกั้น ควบคุมพื้นที่ ไม่ให้อาชญากรหลบหนีหรือเคลื่อนย้ายไปพื้นที่อื่น 4.ให้ไทยช่วยเหลือในการส่งกลับคนจีน กำหนด Proof Of Concept (PoC) ทั้งไทย จีน และเมียนมา โดยจีนจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูล ขนย้ายจากเมียนมาส่งไทย อำนวยความสะดวกตั้งแต่ชายแดนจนถึงสนามบิน โดยการร้องขอกองกำลังทหารในการรักษาความปลอดภัยด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดเผยหลังหารือกับนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กว่า 1 ชั่วโมง ว่า นายหลิวยืนยันว่าเคารพในอธิปไตยและกฎหมายท้องถิ่นของไทย พร้อมกล่าวขอโทษคนไทยที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจที่ดูเหมือนว่าเข้ามารุกล้ำอธิปไตย นายหลิวชื่นชมมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมันของรัฐบาลไทย ส่วนฝ่ายจีน นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดี นายหลี่เฉียง นายกฯจีน ได้ชื่นชมพร้อมทั้งขอบคุณผ่าน นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและร่วมกันทำงานจนได้ผล นานาประเทศชื่นชมการทำงาน ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จ.เมียวดี สหภาพเมียนมา วันที่ 20 ก.พ. มีการส่งกลับคนจีน 4 เที่ยวบิน ตนและ รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม จเรตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายจีนนำโดยนายหลิว จงอี้ และคณะ ฝ่ายเมียนมานำโดย รมช.มหาดไทยเมียนมา และคณะ จะเดินทางจากกองบิน 6 ดอนเมือง ไปสนามบินแม่สอด ส่งคนจีนกลับประเทศ เพื่อให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการออกหมายจับ พล.ต.หม่องชิต ตู่ กับพวกพัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักร มีอัยการร่วมสอบสวนกับ DSI ดังนั้นการที่มีผู้กระทำความผิดเรื่องการค้ามนุษย์กับคนต่างชาติและคนไทย คนที่ให้ที่พักพิงหรือคนที่เกี่ยวข้องกับฐานที่ตั้ง สถานที่กระทำความผิดในตัวกฎหมายถือว่ามีความผิดด้วย เรื่องนี้ DSI ประสงค์จะขอออกหมายจับ เพราะมีพยานหลักฐานจากหลายหน่วยยืนยันว่าไปถึงจุดนั้นจริง แต่ถือว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อนทำให้อัยการไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย อัยการเห็นด้วยเพียงแต่อัยการอยากให้ได้มีการรวบรวมประเด็นต่างๆรมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่า ตอนนี้เราไม่ได้ข้อมูลแค่เพียงในส่วนของเมืองไทยอย่างเดียว แต่ยังได้รับจาก EU จากเครือข่ายระหว่างประเทศรวมถึง FBI ว่ามีหลักฐานมีมูลน่าเชื่อเพียงพอ ต้องรวบรวมให้อัยการได้ดูให้เรียบร้อยก่อนที่จะเสนอศาลออกหมายจับ แม้ว่า พล.ต.หม่องชิต ตู่ แถลงยืนยันว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอเรียนว่าเราสามารถรับฟังพยานหลักฐานได้ทุกทางอยู่แล้วและให้ความเป็นธรรมทุกคน แต่เนื่องจากพยานหลักฐานเดิม ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันว่า สถานที่ที่ไปตั้งเป็นศูนย์ที่จะค้ามนุษย์หรือคอลเซ็นเตอร์ หรือเป็นสถานที่หลอกลวงอยู่ในพื้นที่ตรงนั้นถ้าหากเขาจะหักล้างก็ส่งพยานหลักฐานมาได้ การออกหมายจับ ถือเป็นอำนาจของอัยการและศาลกับดีเอสไอเห็นควรว่าต้องออกหมายจับ ต้องได้รับความเห็นชอบจากอัยการร่วมสอบสวนด้วย ทราบว่าอัยการจะพูดคุยกับดีเอสไอประมาณ 10 ประเด็น เป็นประเด็นในสำนวนที่มีอยู่แล้ว ดีเอสไอต้องชี้แจงประเด็นต่างๆให้อัยการเพื่อความชัดเจน แต่ไม่มีปัญหาเพราะถือเป็นการทำงานร่วมกันวันเดียวกัน พ.ท.อ่อง โซ หน่าย รองผู้บังคับกองพัน BGF ประจำจังหวัดเมียวดี นำกำลังทหาร BGF พร้อมอาวุธครบมือ เดินเท้าและนั่งรถยนต์เข้าไปในเมืองชเวโก๊กโก่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ตรงข้ามบ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ โดยได้บุกเข้าไปตรวจค้นตามอาคารและตึกสูงหลายตึก ที่เป็นที่อยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้จำนวนมากนำไปตรวจสอบและยังนำชาวต่างชาติหลายสัญชาติที่ทำงานอยู่ในอาคารต่างๆ ที่มีการตกแต่งอย่างอลังการมาได้จำนวนหนึ่งและยังมีเหลืออยู่ในตึกอีกกว่า 1 พันคน ซึ่งทหาร BGF ได้ตรึงกำลังคุมไว้ป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลบหนี ทหาร BGF เผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.ต.หม่องชิต ตู่ ผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ (KNA) เลขาธิการ BGF ส่วนชาวต่างชาติที่ช่วยออกมาได้ นำส่งให้ตำรวจและตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเมียวดี คัดแยกต่อไปขณะที่มาตรการ “3 ตัด” ของไทยทำให้ทุนจีนดิ้นหนัก ฝั่งเมียนมาซื้อน้ำมันในราคาสูงถึงลิตรละ 100 บาท โดยเมื่อเช้ามืดวันที่ 19 ก.พ.ทหารหน่วย เฉพาะกิจราชมนู หมวดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังนเรศวร ร่วมกับทหารพรานร้อย ทพ.3607 ตำรวจ สภ.เเม่สอด ฝ่ายปกครอง ตชด.346 ออกลาดตระเวนในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนมาถึงบริเวณไร่ข้าวโพดริมเเม่น้ำเมย บ้านดอนไชย หมู่ 6 ต.เเม่ตาว อ.เเม่สอด จ.ตาก พบถังน้ำมันดีเซลสีดำขนาดบรรจุ 20 ลิตร 27 ถัง ใส่น้ำมันรวม 540 ลิตร ซุกซ่อนอยู่ในป่าริมแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่ามีชายไม่ทราบสัญชาติหลายคนใช้รถเข็นถังน้ำมันมาซุกซ่อนไว้ในป่านี้ เพื่อเตรียมส่งขายในฝั่งเมียนมาที่มีราคาสูงถึงลิตรละ 100 บาท เจ้าหน้าที่จึงยึดถังน้ำมันดีเซลทั้งหมดไปตรวจสอบขยายผลต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ฝ่ายเมียนมาและกองกำลัง BGF ได้ควบคุมตัวและทำบัญชีรายชื่อ ข้อมูลบุคคลสัญชาติต่างๆ 12 สัญชาติ ที่ถูกหลอกลวงจากการค้ามนุษย์ จากเขตเศรษฐกิจพิเศษหย่าไท้ ชเวโก๊กโก่และฉ่วยโก๊กโก่ อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ฝั่งตรงข้าม ม.4 บ.วังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมเตรียมส่งตัวมาฝั่งไทยจำนวน 1,219 คน ประกอบด้วย 1.จีน 1,041 คน 2.อินโดนีเชีย 71 คน 3.เวียดนาม 40 คน 4.มาเลเซีย 22 คน 5.ไต้หวัน 10 คน 6.แอฟริกาใต้ 3 คน 7.เอธิโอเปีย 3 คน 8.อินเดีย 9 คน 9.รวันดา 2 คน 10.เนปาล 4 คน 11.เคนยา 2 คน 12.ปากีสถาน 12 คน รวมทั้งหมด 1,219 คน ทั้งนี้ เมียนมาและ BGF ได้ส่งรายละเอียดมาให้ฝั่งไทย แต่ยังไม่มีกำหนดวันและเวลาในการนำพาบุคคลทั้งหมดมาฝั่งไทยเมื่อใด คาดว่าน่าจะให้สถานเอกอัครราชทูตแต่ละประเทศได้เตรียมตัวเพื่อรับคนของตนเองกลับที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. เผยถึงกรณีการคัดแยกเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 260 คน ว่า ขณะนี้เข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติมีการคัดกรองโดยสหวิชาชีพ มีหลายหน่วยงานเข้าไปและบอกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไปเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จึงอยากให้ทำความเข้าใจให้ตรงกันว่ากลุ่มคนที่กลับมายินยอมที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปทำหน้าที่หลอกลวงคนทั่วโลก เมื่อถูกส่งกลับมาอาจต้องถูกดำเนินคดี ทำให้เกือบทั้งหมดจะร้องไห้ ปั้นเรื่องขึ้นมาว่าตัวเองเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์รอง ผบช.สอท.กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างมีชาวแอฟริกาเข้าไปเป็นสแกมเมอร์นานกว่า 1 ปี ให้ข่าวว่าถูกวางยาสลบจากสุวรรณภูมิ แต่ไปโผล่ที่เมียนมา เขามาโดยที่ไม่มีเงินติดตัวเลย เข้ามาเป็นสแกมเมอร์ หากมีการตั้งเรื่องกันดีๆและเข้าใจตรงกันว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นสแกมเมอร์ที่หลอกลวงคนทั้งโลกก็จะไม่หลงทาง ตอนนี้เราเริ่มหลงทางหลงเชื่อกันแล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้ถูกหลอกไป จริงๆแล้วมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่ถูกหลอก อาจจะมีชาวญี่ปุ่น 2-3 คน คนจีนอีก 2-3 คน ที่โดนหลอกยอมรับว่ามีจริง แต่ที่กลับมาทั้งหมดแล้วบอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อพบว่าไม่ใช่ เป็นคำให้การของพวกหลอกลวง มิจฉาชีพมีทักษะในการหลอกลวงเงินจากกระเป๋าของคนไปได้ แสดงว่ามีทักษะในการหลอกลวงสูง เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยก็หลอกต่ออีก อย่าไปหลงเชื่อ มีบางคนที่หิวแสงออกมาพูดแบบนี้ อยากให้ช่วยเซฟประเทศไทย มาช่วยกันดูแลประเทศไทย ปกป้องคนดีจากคนเลว อย่าไปเชื่อคนเลวแล้วมาทำร้ายคนดีผู้สื่อข่าวถามถึงการขยายผล รอง ผบช.ไซเบอร์ กล่าวว่า มีการขยายผลทั้งหมด เช่น การเดินทางมาไทยได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งระบบว่าเดินทางเข้ามาอย่างไร พบว่ามีชาวญี่ปุ่น 4 คนเดินทางเข้ามา บอกว่าถูกค้ามนุษย์ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีการไปนอนแช่ออนเซ็น นอนนวดอยู่ที่ อ.แม่สอด เพื่อเตรียมข้ามไปฝั่งตรงข้าม เมื่อกลับมาอ้างว่าถูกหลอกไป ตามข้อเท็จจริงพบว่าไม่ใช่ มีการตีตั๋วเดินทางมานั่งรถเป็นทอดๆจนไปถึงแม่สอด หากจะบอกว่าเป็นการค้ามนุษย์มองว่าไม่ใช่ ทั้งนี้ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทุกรายพล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้เข้าสู่กระบวน NRM ในการคัดแยกเหยื่อจะต้องให้มีการคัดแยกให้ได้จริงๆ หากไปเชื่อสแกมเมอร์ว่าถูกเป็นเหยื่อเรารับไม่ได้จริงๆ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ มีข้อมูลทั้งหมดแล้วว่าคนที่เป็นเหยื่อจริงๆมี 4-5 ราย ยอมรับว่ามีเหยื่ออยู่จริง แต่น้อยมากได้ช่วยเหลือมาสำเร็จ ส่วนภาพรวมที่จะส่งมาเชื่อว่าเป็นพวกสแกมเมอร์ที่สมัครใจไปทำงานจริงๆที่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช. ภ.5 นำทีมตำรวจ PCT ภาค 5 จับกุมกลุ่มเครือข่าย “กลุ่มกดเงิน” พัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นทีี่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ได้ผู้ต้องหา 6 ราย มี น.ส.ดวงกมล ลุงสุ อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมา น.ส.จอ ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา อายุ 31 ปีนายอดิศร แย้มเจริญ อายุ 29 ปี ชาว อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ น.ส.ณัฐณิชา มาฟู อายุ 22 ปี ชาว อ.ป่าแดด จ.เชียงราย นายเสาร์คำ อินยม อายุ 33 ปี ชาว อ.แม่สาย และ น.ส.วิไลพร มาเยอะ อายุ 29 ปี ชาว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ยึดเงินสดได้ 1.6 ล้านบาท สมุดบัญชีม้า 40 บัญชี เงินหมุนเวียน 24 ล้านบาทอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่