วัฏจักรการเมือง ณ คาบนี้อาจทำให้ “ดุลการเมือง” เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ เหตุเกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกลมีความผิดฐานล้มล้างการปกครองผลจากการนี้เลยเกี่ยวพันไป 44 สส.พรรคส้มที่ร่วมลงชื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112 แม้จะอ้างว่าสามารถทำหน้าที่ได้แต่เนื่องจากมีความผิดล้มล้างการปกครอง ซึ่งได้มีการร้อง ป.ป.ช.ด้านจริยธรรมร้ายแรง เบื้องต้นพบว่าคดีมีมูลก็เลยยุ่งกันไปทั้งพรรค!ล่าสุด ป.ป.ช.ได้ให้นักการเมืองทั้ง 44 คนที่ถูกร้องเรียนมาชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน หลังจากนั้น ป.ป.ช.ชุดใหญ่ก็จะสรุปและชี้ผลออกมาหากมติออกมาว่าพบความผิดจริงก็จะส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองที่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงอย่างที่ “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต สส. เคยได้รับโทษมาแล้วเนื่องจากบุกรุกที่ดินซึ่งผิดกฎหมายทำให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตหาก 44 นักการเมืองค่ายส้มผิดจริงก็จะต้องถูกลงโทษเช่นเดียวกันสำหรับรายชื่อ 44 นักการเมืองนั้น ปรากฏเป็น สส.พรรคประชาชน 25 ราย เป็น สส.เขต 8 ราย และ สส.บัญชีรายชื่อ 17 รายที่เหลือเป็นอดีต สส.ก้าวไกล เช่น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”-“ชัยธวัช ตุลาธน” เป็นต้นหากศาลฎีกาชี้ว่ากระทำความผิดก็จะทำให้พรรคส้มต้องเสียบุคลากรทางการเมืองที่เป็นอนาคตของพรรคไปอย่างน่าเสียดายไม่ว่าจะเป็น “ศิริกัญญา ตันสกุล”-“รังสิมันต์ โรม”-“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” เป็นต้น ทำให้พรรคประชาชนมีปัญหาไม่มากก็น้อยเบื้องต้นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็คงกร่อยไปด้วยอนาคตข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าจะไปได้แค่ไหน?ไม่เท่านั้น หาก สส.พรรคประชาชนมีความผิดก็จะทำให้จำนวน สส.ทั้งสภาเหลือน้อยลงไปด้วย ซึ่งจะมีผลต่อยอด สส.ทั้งหมดลดน้อยลงไปด้วยจำนวนกึ่งหนึ่งก็จะลดลงไปตามสภาพความเป็นจริงพรรคร่วมรัฐบาลที่มีดุลอำนาจที่สูงกว่าพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยายจากที่เคย “ขี่คอ” ก็จะมีพลังที่ลดน้อยลงไป!เพราะ “เพื่อไทย” ไม่ต้องออกแรงอะไรก็จะเหลือ สส.มากพอที่จะได้ดุลการเมืองที่มากขึ้นเพราะจำนวน สส.กึ่งหนึ่งน้อยลงนั่นทำให้การปรับ ครม.หรือเปลี่ยนแปลงกระทรวงเกรดเอที่ต้องการก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นเพราะอำนาจการต่อรองมากขึ้นโดยเฉพาะเป้าใหญ่อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในรัฐบาลเพราะจะทำให้เพื่อไทยสามารถกดดันพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะภูมิใจไทยที่ขวางนโยบายและแนวทางของพรรคมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่พรรคเพื่อไทยก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเสียงก้ำกึ่งกันทุกอย่างก็เลยเข้าทาง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ต้องการให้ “เพื่อไทย” ได้เสียงข้างมาก ทำให้ไม่ต้องสนใจเสียงจากพรรคร่วมเท่าใดนักเวลานี้ “ภูมิใจไทย” จึงเหมือนตกที่นั่งต่างจากที่ผ่านมาเพราะโดนเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องที่ดินที่ปากช่อง และความพยายามที่จะทลายขุมกำลัง สส.สายสีน้ำเงินดูเหมือนอะไรทุกอย่างจะเป็นใจให้ “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ-ลูกสาว” แทบทุกด้านทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและเกมการเมืองระหว่างนักการเมืองด้วยกัน เพื่อลงโทษ “ภูมิใจไทย”ที่หาญกล้าท้าชนผู้มากบารมีทางการเมืองแต่การเมืองมันก็เป็นอย่างนี้แหละที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ที่แน่นอนจากนี้ไปคงงัดเคล็ดวิชาออกมาฟาดฟันกันแบบแตกไปข้างแน่!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม