โดนไทยกดดันหนัก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปล่อยเหยื่อ ค้ามนุษย์ 2 ระลอก รวม 314 คน ชุดแรก 53 คน ทางการเมียนมาอ้างดูแลไม่ไหวขอส่งคืนผ่านไทย ชุดหลังอีก 261 คน ทหารกะเหรี่ยง DKBA นำใส่รถปิกอัพข้ามน้ำเมยส่งผ่านด่านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก “บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม” บอกไม่รับดูแลหลังตรวจสอบเสร็จ ส่งกลับประเทศตามสัญชาติเหยื่อ ขณะเดียวกันลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ติดตามปราบโจรไซเบอร์ ระบุนายกฯสั่งซีิลชายแดน 6 เดือนต้อง เห็นผล ขู่เช็กบิล จนท.สมรู้ร่วมคิด ส่วนหมายจับ “หม่อง ชิต ตู่” เข้าไปจับในเมียนมาไม่ได้ แต่ถ้าพบที่ไทยรวบตัวทันที “บิ๊กเต่า” เผย ผบ.ตร.สั่งเรียกประชุมคณะทำงานสอบข้อเท็จจริง “นายพล ต.” เอี่ยวเมียวดีคอมเพล็กซ์ ผบช.ภ.2 สืบพบแก๊งคอลฯเตรียมย้ายฐานจากเมียวดีมาปักหลักที่ จ.ไพลิน ประเทศกัมพูชาหลังปฏิบัติการตัดไฟตัดเน็ตตัดการส่งน้ำมันของไทยไปเมียนมา เพื่อกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรทางเศรษฐกิจฝีมือจีนเทา ที่มาปักหลักตั้งฐานปฏิบัติการคุกคามต้มตุ๋นคนไทยและชาวต่างชาติ อยู่ริมพรมแดนไทย-เมียนมา ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มปล่อยเหยื่อที่ลวงมาร่วมขบวนการ โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ได้ปล่อยมา 2 ชุด ชุดแรก 53 คน ชุดที่สอง 261 คน ขณะที่ทางการไทยเตรียมออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ที่เป็นผู้คุ้มครองแก๊งคอลเซ็นเตอร์“ภูมิธรรม” นำคณะตรวจงานสระแก้วที่สนามบินกองบินตำรวจ รามอินทรา เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 12 ก.พ. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปตรวจราชการ ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า เดิมอยากไปตรวจที่ฝั่งพญาตองซู แต่เมื่อมีการพูดถึงเรื่องตึก 25 ชั้น จึงประสานลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ไปดูพื้นที่ถ้าเห็นอะไรก็ต้องดำเนินการ กสทช.จัดการเรื่องเสาสัญญาณแล้ว ต้องไปดูอีกครั้งเนื่องจากพบปัญหาด้านเทคนิค ได้รับรายงานจากเอกชนว่ามี 3 โอเปอร์เรเตอร์เตรียมขอหมายจับ “หม่อง ชิต ตู่”นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงความคืบหน้าการออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยงว่า ยังไม่แน่ใจว่าหมายจับออกแล้วหรือไม่ แต่มีการติดต่อประสานมาเพื่อขอหลักฐานการออกหมายจับ แต่คงไปจับในประเทศเขาไม่ได้ถือเป็นอธิปไตย แต่ถ้าเข้ามาไทยจับได้เลย เมื่อถามว่าคำสั่งย้ายข้าราชการพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ราย จะมีออกคำสั่งเพิ่มอีกหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้มีคำสั่ง 5-6 ตำแหน่ง คือผู้กำกับ 3 สถานีตามรายงานข่าว คือ สภ.แม่สอด แม่ระมาดและพบพระ ให้ขาดจากการปฏิบัติงานในหน้าที่เดิม ย้ายไป บช.ภ.6 อีก 2 รายเป็นผู้บังคับการจังหวัดและนาย พล.ต. หลายส่วนได้สั่งย้ายมา สตช. แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดมีความผิด มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว หากพบมีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเป็นกระบวนการ “SEAL STOP SAFE” ใน 51 อำเภอ 14 จังหวัด ที่หากพบมีปัญหา ผวจ.และผู้การฯจังหวัดต้องรับผิดชอบเมียนมาขอส่ง 53 เหยื่อแก๊งคอลฯนายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีทางการเมียนมา ขอส่งผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอก มาพักไว้ที่ไทยเพื่อตรวจสอบก่อนส่งกลับว่า ได้รับการประสานมาว่าวันที่ 12 ก.พ. ส่งเข้ามา 53 คน จาก 8 ประเทศ เนื่องจากเมียนมาดูแลไม่ไหว เราประสานงานภายในกับเมียนมาว่า หากต้องการลดความกดดันลง เรื่องการตัดน้ำมัน ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ต้องทำให้เราเห็นว่าประเทศเขาปลอดภัยจากเรื่องนี้ ตรงนี้เรามาถูกทางแล้ว การมาขู่เราว่าจะตัดเส้นทางไม่ให้สินค้าเข้า ไม่ใช่ปัญหาของเรา เป็นปัญหาของเขา ขู่เราไม่ได้ เมื่อถามว่าจะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์ดูแลผู้อพยพแทนหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราไม่ตั้งศูนย์อพยพ เมื่อแจ้งเรามาเราก็แจ้งประเทศเขาหลังตรวจสอบแล้วก็ส่งกลับประเทศนั้นๆ นอกเหนือจากจีนยังมีประเทศต่างๆติดต่อมา เพราะไม่มีทางติดต่อเองได้ หากได้คนเมื่อไหร่ก็ประสานไปยังสถานทูต เขาจะมาเคลียร์ ในส่วนที่เขาเคลียร์เองก็มีญาติเขาไปจ่ายเงินไถ่ตัวกันมา เราพอทราบข่าวบ้าง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่รอดพ้นนรกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกส่งกลับมาลอตแรก 53 คน จาก 8 ชาติ ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ 12 คน เคนยา 4 คน แทนซาเนีย 1 คน บราซิล 2 คน เอธิโอเปีย 21 คน ปากีสถาน 5 คน บังกลาเทศ 2 คน และเนปาล 6 คน โดยส่งตัวผ่านด่านบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตากนายกฯสั่งซีลชายแดน 6 เดือนต้องเห็นผลเวลา 10.40 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เดินทางถึงกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 รักษาพระองค์ (ร.13 พัน. 3 รอ.) จ.สระแก้ว เป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงาน มอบนโยบาย รับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานภาพรวมของพื้นที่ ปัญหาการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมไซเบอร์ บัญชีม้า จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 เป็นต้น นายภูมิธรรมกล่าวมอบนโยบายว่า รัฐบาลคิกออฟเรื่องซีลชายแดนเป็นมาตรการเริ่มต้นสกัดกั้นยาเสพติด ป้องกันการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มี สมช.เป็นผู้ประสานงาน นายกฯสั่งการเรื่องนี้ว่า 6 เดือนต้องเห็นผล อะไรที่เฉยชาหรือไม่ปฏิบัติตามอย่างแข็งขัน มีมาตรการตกลงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทุกหน่วย หากเพิกเฉยต้องดึงออกมาก่อน ต้องร่วมมือกัน ทำทันที ซิมการ์ด ถ้าสกัดตรงนี้ได้จะแก้ปัญหาได้ ส่วนมาตรการชายแดน เช่น ตัดไฟและอินเตอร์เน็ต เป็นจุดเริ่มต้นกวาดบ้านให้สะอาดขู่เช็กบิล จนท.สมรู้ร่วมคิดนายภูมิธรรมยังสั่งการอีกหลายส่วนในพื้นที่ อาทิ กองทัพภาคที่ 1 ให้เพิ่มความเข้มข้นลาดตระเวน เสริมกำลังพลป้องกันชายแดน ขอตำรวจภูธรภาค 2 บูรณาการรับมือขบวนการป้องกันลักลอบข้ามแดน ส่วน กฟภ.ให้เตรียมความพร้อม หากจำเป็นต้องตัดสินใจงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า หากมีการผิดวัตถุประสงค์ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ กสทช.ให้หันเสาส่งสัญญาณ หรือตัดสัญญาณในพื้นที่ชายแดนที่มีการนำสัญญาณโทรคมนาคมไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยใช้มาตรการ “ซิม เสา สาย” ตามที่มีการรายงานเข้าไปแก้ไข ชื่นชม และขอบคุณในความมุ่งมั่นทุ่มเท ความกล้าหาญของทุกท่าน ส่วนผู้ที่ปล่อยปละ ละเลยละเว้นหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ปล่อยให้ขบวนการผิดกฎหมายดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ เป็นการทำลายเกียรติของตนเองและองค์กร หากพบมีผู้ใดกระทำผิด ละเลยหรือสมรู้ร่วมคิด ต้องถูกดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้นเตรียมส่งกลับเหยื่อแก๊งคอลอีก 7 พันคนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์อีกรอบว่า ยังมีเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาอีก ประมาณ 7,000 คน ที่กำลังรอปล่อยตัวอยู่ ขอย้ำว่า มาตรการของไทยจะประสานประเทศปลายทางให้มารับตัวกลับได้โดยตรง ไม่ต้องตกค้างอยู่ที่ จ.ตาก และได้รับรายงานเพิ่มเติมจากการประสานกลุ่มกองกำลัง ต่างๆ กรณีการตามล่ากลุ่มหลอกลวงนักแสดงชาวจีน “ชิงชิง” ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้าว่า สามารถจับกุมตัว หัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมดแล้ว และจะส่งตัวดำเนินคดี ตามกฎหมาย ขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ทั้งแอฟริกา ละตินอเมริกา ยุโรป เอเชีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้ประสานยืนยันพร้อมรับตัวเหยื่อกลับเรียกประชุมคณะทำงานสอบ 2 นายพลส่วนกรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ ผบก.กต.5 รรท. ผบก.กต.6 ว่า มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการได้นัดหมายให้คณะกรรมการทุกคนมาเข้าร่วมประชุมช่วงบ่ายวันที่ 13 ก.พ. ที่ บช.ก. เป็นการเรียกประชุมคณะทำงานอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประเด็นหลักจะหารือมุ่งเน้นไปที่การกำหนดกรอบแนวทางทำงาน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยืนยันว่าการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จะจริงเท็จเพียงใด ตัวแปรทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ปรากฏ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริงตำรวจไม่ได้นิ่งระดมปราบจริงจังวันเดียวกัน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำหนด 7 มาตรการคุมเข้มแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ทุกหน่วยดำเนินการอย่างจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-11 ก.พ. ด้านการป้องกัน ตั้งจุดตรวจ 5,099 จุดสำคัญทั่วประเทศ ตรวจสอบยานพาหนะ 478,282 คัน ทั้งในเส้นทางและรถข้ามชายแดน ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนรถและใบหน้าบุคคล 21,832 ข้อมูล ตรวจสอบที่พัก สถานีขนส่ง จุดผ่านแดน ช่องทางธรรมชาติ 8,651 ครั้งกวาดล้างยึดของกลางเพียบโฆษก ตร. กล่าวว่า การปราบปรามจับกุม ต่างด้าวผิดกฎหมาย 524 ราย ปฏิเสธการเข้าเมือง 231 ราย เพิกถอนใบอนุญาต 12 ราย บันทึกข้อมูล เฝ้าระวัง 45,701 ราย จับกุมยานพาหนะเสี่ยง 76 ราย จับกุมคดีสำคัญ เช่น บช.ก. จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมซิมบ็อกซ์ 2 เครื่อง ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการที่ จ.สงขลา จับกุมดาวกองร้อย นายร้อย ปอยเปต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ตชด.จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมอุปกรณ์สื่อสารจำนวนมากใน พื้นที่ จ.ตาก บช.น. จับผู้ต้องหาชาวจีน 2 ราย เครือข่าย ใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดเงินสดของกลางกว่า 15 ล้านบาท บช.ภ.2 จับแก๊งชาวจีนปล่อยเงินกู้ออนไลน์ ข้ามชาติในพื้นที่ จ.ชลบุรี ตม.จับผู้ต้องหาคนจีนและคนไทยพาคนต่างด้าวไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้นเอาจริง ตร.พัวพันอาชญากรรมข้ามชาติ“มาตรการปกครองเอาจริงเอาจังกับข้าราชการตำรวจที่มีข่าวพัวพันอาชญากรรมข้ามชาติ สิ่งผิดกฎหมาย หรือปล่อยปละละเลย ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับ ผบก.2 นาย และ ผกก.3 นาย ในพื้นที่ จ.ตาก มาช่วยราชการ พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้สังคมและประชาชนเชื่อมั่น ได้ว่า ผบ.ตร.เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ หากพบตำรวจเข้าไป เกี่ยวข้อง หรือเกียร์ว่าง พร้อมดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งสั่งการให้วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์คนต่างด้าวผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ หลังรัฐบาลมีมาตรการเด็ดขาดตัดไฟ ตัดเน็ต งดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง หากพบเบาะแสต่างด้าวผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ โทร.แจ้ง 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง” โฆษก ตร.กล่าวพบแก๊งคอลฯเตรียมย้ายมา จ.ไพลินด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า ตร.ภูธร จ.จันทบุรี ร่วมกับตำรวจ ตม.หน่วยงานความมั่นคง เปิดปฏิบัติการ “ป้อมปราการพิทักษ์ชายแดนจันทบูร” ป้องกันปราบปรามการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ชาวต่างชาติหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. เป็นมาตรการกดดัน ป้องกัน การย้ายฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังสืบสวนพบว่า มีความพยายามย้ายฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มที่อยู่ ฝั่งเมียวดี เมียนมา มาชายแดนฝั่ง จ.ไพลิน ประเทศกัมพูชา พื้นที่รอยต่อ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี หลังรัฐบาล ไทยมีมาตรการกดดันแนวชายแดนเมียวดีอย่างเข้มข้นเผย บช.ภ.2 ซีลชายแดนเข้มข้นผบช.ภ.2 กล่าวอีกว่า บช.ภ.2 มีมาตรการซีล แนวชายแดนเข้มข้น สกัดกั้นการใช้ช่องทางธรรมชาติ ช่องทางอื่นลักลอบข้ามแดน ไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะชายแดน ฝั่ง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ชายแดน จ.ไพลิน กัมพูชา ที่มีกาสิโนตั้งอยู่ 10 แห่ง พบสัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการในไทยส่งข้ามไป ต้องหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมีมาตรการ ปิดประตูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้กำชับให้ ตร.บช.ภ.2 ดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามการลักลอบ เข้าเมืองผิดกฎหมาย ชาวต่างชาติหลอกลวง หรือประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติของ ผบ.ตร.อย่างเข้มงวดเด็ดขาด การ์ดอย่าตก ห้ามละเลย หากมีผลประโยชน์จะดำเนินคดีอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดโดนกดดันหนักปล่อยเหยื่ออีก 261 คนด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า มาตรการของรัฐบาลในการตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต น้ำมัน กดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมืองเมียวดี สหภาพเมียนมา ทุกวิถีทาง ทำให้แก๊งดังกล่าว ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ส่งผลในเชิงบวกต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ล่าสุด พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ผอ.ศตคม.ตร. และ ผอ. ศปอส.ตร. รายงานว่า ในวันที่ 12 ก.พ. แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปล่อยตัวเหยื่ออีก 261 คน โดยส่งตัวข้ามแดนมาไทย ทางท่าสินค้าที่ 28 ท่าสุเทพ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก มีตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอรับพาทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเบื้องต้นว่าเป็นเหยื่อ การค้ามนุษย์หรือไม่ ที่หอประชุม อ.พบพระกะเหรี่ยงพุทธฯนำใส่รถข้ามน้ำเมยมาส่งต่อมา เวลา 16.00 น. นายชูชีพ พงษ์ไชย ผวจ. ตาก พร้อม พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้รับการประสานจากกอง กำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA มี พล.ต.ซอ ส่วย วะ รองผู้บัญชาการทหาร DKBA พล.จ.ซอ ซาย จ่อ ละ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 DKBA ขอส่งมอบเหยื่อค้ามนุษย์หลายสัญชาติที่ถูกหลอกลวงมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านท่าข้าม 28 บ้านช่องแคบ อ.พบพระ โดยทหารกะเหรี่ยง DKBA นำผู้ที่ถูกปล่อยมา 261 คน นั่งรถกระบะ 10 คัน ข้ามฝั่งแม่น้ำเมยมาส่งให้ทางการไทย รวม 11 สัญชาติ มีฟิลิปปินส์ 26 คน บังกลาเทศ 13 คน บราซิล 2 คน เนปาล 1 คน เคนยา 33 คน ลาว 19 คน เอธิโอเปีย 46 คน ปากีสถาน 31 คน แทนซาเนีย 1 คน ศรีลังกา 1 คน ยูกันดา 2 คน ไต้หวัน 4 คน ที่เหลือต้องรอการคัดกรองว่าชาติใดสินค้าเข้าเมียนมาตกค้างเพียบส่วนสถานการณ์ด้านเมืองท่าขี้เหล็ก ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประชาชน 2 ชาติ ยังมีการเดินทางข้ามด่านพรมแดนสะพานที่ 1 ตามปกติและจะเติมน้ำมันเต็มถังกลับไปฝั่งพม่า แม้ฝั่งไทยจะขายแพงกว่าท่าขี้เหล็ก แต่ปั๊มท่าขี้เหล็กที่ถูกรัฐบาลกำหนดให้ขายลิตรละ 29 บาทและขายอย่างจำกัด รถ จยย.เติมคันละไม่เกิน 50 บาท รถยนต์คันละไม่เกิน 500 บาท หากต้องการปริมาณมากจะขายถึงลิตรละ 50 บาท จากราคาส่งจากไทยลิตรละ 25 บาท และเปิดจำหน่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ปิด หากยังมีการห้ามนําน้ำมันเข้าเมืองท่าขี้เหล็ก ภายใน 3 เดือน น้ำมันสำรองที่มีอยู่จะหมดทุกปั๊ม และจาก การขาดแคลนน้ำมัน สินค้าไทยที่เมียนมาสั่งเข้าเริ่ม ทยอยตกค้างในเมืองท่าขี้เหล็ก บางแห่งเริ่มงดสั่งสินค้าไทยเพราะไม่มีน้ำมันส่งสินค้าต่อในประเทศ ทำให้รถตู้ขนของที่หน้าด่านแม่สายข้ามไปท่าขี้เหล็ก มีจำนวนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดลอบส่งน้ำมันทางเรือเข้าท่าขี้เหล็กผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผลจากภาวะน้ำมันเริ่มขาดแคลน ทำให้เรือสัญชาติจีน มีคนไทย และ ผู้ประกอบการเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนา ที่ส่งสินค้า ไปจีนทางแม่น้ำโขง จากท่าเรือ อ.เชียงแสน ลักลอบขนน้ำมันไปส่งที่ท่าเรือบ้านโป่ง เมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก ใกล้ท่าเรือเมืองมอม เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ห่างจาก สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปทาง ทิศเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร โดยทำเอกสารส่งท่าเรือเชียงรุ้ง สิบสองปันนา ของจีน แต่กลับลักลอบ ไปลงที่ท่าเรือบ้านโป่งของเมียนมา มีรถยนต์จากเมืองท่าขี้เหล็กมาดูดออกจากเรือ เมื่อถ่ายน้ำมันเสร็จเรือจะไปจอดพักที่ท่าเรือเมืองมอมของลาว จอดรอ 2-3 วัน ก็กลับไทย เพื่อให้เข้าใจว่าไปส่งถึง สิบสองปันนาของจีนAIS ร่วมบล็อกตัดสัญญาณชายแดนวันเดียวกัน นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หน.ฝ่าย งานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า AIS ลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขัน แก้ไขปัญหาในพื้นที่เสี่ยง บริเวณชายแดน 7 จังหวัด 11 อำเภอเสร็จสิ้นเรียบร้อยตั้งแต่กลางปี 2567 รวมถึงยืนยันการเชื่อมต่อจุดสัญญาณกับผู้ให้บริการในประเทศเพื่อนบ้าน ว่าต้องได้รับอนุญาตถูกต้อง เพื่อป้องกันการใช้สัญญาณจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยังแก้ไขเสาส่งสัญญาณที่แนวชายแดน อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในพื้นที่ตลาดเบญจวรรณ รื้อตัวกระจายสัญญาณทั้งหมดออกแล้ว ส่วนที่บ้านโคกสะแบง ห่างชายแดน 300 เมตร ได้ปิดสัญญาณทั้งหมด รื้อถอนตัวสายอากาศ เตรียมรถสถานีฐาน เคลื่อนที่ ติด Small Cell เพื่อให้ประชาชนติดต่อ สื่อสารได้และเตรียมแก้ไขเสาส่งสัญญาณบริเวณแนวชายแดนเพิ่ม 9 จังหวัด มีกำหนดแล้วเสร็จตามแผนภายใน 30 วัน รื้อถอนเสาสัญญาณในระยะไม่เกิน 50 เมตรจากชายแดน กรณีเสาที่อยู่ในระยะ 1 กม.จากชายแดน ให้ลดกำลังส่งและปรับเสาให้สูงไม่เกิน 15 เมตร เสาที่อยู่ในระยะไม่เกิน 3.5 กม.ให้ตั้งเสาอากาศความสูงไม่เกิน 30 เมตร นอกจากนี้ ยังได้ปิดไอพี แอดเดรส (IP Address) ที่คนร้ายใช้ในการกระทำผิดอีกด้วยให้หาหลักฐานเพิ่มจับหม่อง ชิตตู่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนำหลักฐานคดีค้ามนุษย์เข้าพบพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ หารือข้อกฎหมายออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ กับ พ.ท. โมเต โธน และ พ.ต.ทิน วิน 3 ผู้นำ กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ที่ปกครองเมืองเมียวดี สหภาพพม่า ในคดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย โดยมีส่วนเกี่ยวข้องผู้เสียหายเป็นชาวอินเดีย 8 คน ถูกหลอกใช้ไทยเป็นทางผ่านไปเมียวดี คล้ายกรณีนายหวังซิงนักแสดงชาวจีน มีรายงานว่า พนักงานอัยการมีความเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มยังไม่ควรเสนอศาลออกหมายจับ และคดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัยการจะร่วมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่