เห็นราคาหุ้นไทยร่วงไปทุกวันแล้วก็ใจแป้ว นึกถึงสุภาษิตไทยโบราณว่า “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” เพราะดวงตาของคนเรามักไม่สามารถปกปิดความในใจได้ ยกเว้นดารานักแสดง “ดัชนีราคาหุ้น” ก็เหมือน “ดวงตาเศรษฐกิจไทย” ที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยออกมาเป็นดัชนีราคาหุ้นที่ร่วงเกือบทุกวัน สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลจะพยายามขายฝันคนไทยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น จีดีพีปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 3.0-3.5% นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ก็เชิญนางแบบชื่อดังระดับโลก นาโอมิ เอเลน แคมป์เบลล์ ไปปรึกษาหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อสร้าง “นางแบบไทยที่ไม่ต้องสวย” หวังส่งออกไปหารายได้ในเวทีโลก ช่วยเผยแพร่ Soft Power ไทย แต่หุ้นไทยก็ยังไม่ขยับวันนี้ ตลาดหุ้นไทยอยู่บ๊วยสุดในภูมิภาคอาเซียน เราแพ้เวียดนามไปแล้วตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ที่ 10 ก.พ. เปิดตลาดราคาก็ดิ่งลงทันที ร่วงไปเกือบ 19 จุด ก่อนขยับขึ้นมาปิดที่ 1,270.49 จุด ลบไป 11.60 จุด ต่างชาติขายสุทธิเกือบ 2 พันล้านบาท คุณอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางกระตุ้นหรือฟื้นตลาดทุน ที่น่าแปลกใจก็คือ ตลาดหุ้นไทยร่วงต่อเนื่องมานานเป็นปีขนาดนี้รัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจ ในขณะที่ นายกฯก็สนใจแต่แฟชั่นมากกว่าเศรษฐกิจ แล้วอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อนักวิเคราะห์ก็ให้ความเห็นแตกต่างกันไป บางสำนักก็บอกว่า เป็นผลมาจากความกังวลต่อความเสี่ยงของสงครามการค้า ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบ เพราะได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ แล้วทำไมตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมากกว่าไทย ราคาหุ้นยังขึ้นเอาๆไม่ร่วงเกือบทุกวันเหมือนตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็ขึ้นเอาๆ จนทิ้งประเทศไทยไว้ข้างหลังแบบไม่เห็นฝุ่นนักวิเคราะห์บางท่านก็บอกว่า เป็นเพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่ไม่ได้บอกว่าขาดความเชื่อมั่นเรื่องอะไร เช่น ขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลปัจจุบัน ขาดความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย บางสำนักก็คาดหวังว่า แรงซื้อต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงกลางปีนี้ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ภาครัฐก็เร่งเบิกจ่าย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็มีเยอะ หากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่ ทำให้ภาพรวมการบริโภคดีขึ้น การท่องเที่ยวหนุน ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะหนุนแรงซื้อให้กลับมาได้ในช่วงกลางปีก็เป็นบทวิเคราะห์ที่ปลอบใจกันไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เศรษฐกิจไทยกำลังป่วยหนัก หากไม่มีการผ่าตัดเยียวยาครั้งใหญ่ คงไม่มีทางฟื้นได้แน่นอนคุณอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX บริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ได้วาดภาพเศรษฐกิจไทยให้เห็นวันก่อนว่า น่าเป็นห่วงมาก วันนี้คนไทยกว่า 60% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ช่วง 4–5 ปีที่ผ่านมา ไทยเติบโตช้าที่สุดอันดับต้นๆของ โลก ใน 80 ประเทศ ไทยอยู่อันดับที่ 72 เหมือน “กบต้ม” ที่ยังมองไม่เห็น “แสงสว่าง” รัฐบาลมีโครงการนโยบายต่างๆเต็มไปหมด แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น หากดูทรัพยากรวันนี้ ไทยมีหนี้สาธารณะสูงกว่า 60% เกือบชนเพดานหนี้ที่ 70% เราเหลือช่องให้กู้น้อยมากคุณอาทิตย์ จึงเสนอให้ ขยายเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปชั่วคราว เพื่อเอาเงินมาใช้ในโครงการที่จำเป็น เช่น นํ้าไม่ท่วม ไม่แล้ง ให้เกษตรกรอยู่ได้ รถไฟที่เอื้อต่อการขนส่งสินค้าข้ามประเทศ ไม่ต้องเซ็กซี่อย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเอื้อประโยชน์เฉพาะคนไม่กี่กลุ่ม (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็เหมือนกัน)ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยวันนี้ป่วยหนักจริงๆ ตลาดหุ้นคือหน้าต่างที่มองเห็นชัดเจน หากรัฐบาลไม่สามารถทำให้คนไทย 60% หรือ 40 ล้านคนมีรายได้มากกว่ารายจ่าย เราคงไม่ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แน่นอน และรัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้แน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม