ระทึก โบอิ้ง 777 สายการบินแอโร ฟลอตของรัสเซียลงจอดฉุกเฉินสนามบินสุวรรณภูมิ หลังบรรทุกผู้โดยสาร 331 ชีวิต ลูกเรือ 15 คน รวม 346 ชีวิต ออกจากภูเก็ตมุ่งหน้ากรุงมอสโกตั้งแต่เย็น เกิดปัญหาระบบฝาครอบเก็บล้อไม่ปิด นักบินแจ้งเปลี่ยนเส้นทางลงจอดฉุกเฉินและบินวนกว่า 5 ชม. เพื่อเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงลดน้ำหนักเครื่อง ก่อนประสานหอควบคุมการบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย หลังเกิดเหตุรัสเซียนำเครื่องลำใหม่บินมารับกลับในช่วงสายวันรุ่งขึ้นทันทีจากเหตุระทึกเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ สายการบินแอโรฟลอต (Aeroflot) ของรัสเซีย เที่ยวบินที่ SU277 ที่เดิมมีกำหนดจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชเมเตียโว มอสโก เวลา 15.20 น. แต่เกิดปัญหาขัดข้อง ทำให้เที่ยวบินดีเลย์ออกจากสนามบินภูเก็ตเวลา 16.35 น. วันที่ 10 ก.พ. แต่หลังขึ้นบินนักบินพบว่า ระบบเก็บล้อเครื่องบินมีปัญหา เนื่องจากฝาครอบล้อไม่ปิด ก่อนแจ้งขอเปลี่ยนเส้นทางลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จ.สมุทรปราการ นักบินต้องบินวนนานกว่า 5 ชม. ระดับความสูงประมาณ 18,000 ฟุต และ 12,000 ฟุต เพื่อเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงและลดน้ำหนักเครื่อง ก่อนประสานหอควบคุมการบินสนามบินสุวรรณภูมินำเครื่องบินลงจอดฉุกเฉินได้ในเวลา 21.11 น. คืนวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือผู้โดยสารจำนวน 331 คน และลูกเรือ 15 คนได้อย่างปลอดภัยต่อมาวันที่ 11 ก.พ. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หลังได้รับข้อสั่งการในการเตรียมการรองรับเหตุฉุกเฉิน ทสภ.ได้ดำเนินการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย รวมถึงฝ่ายแพทย์เตรียมความพร้อมทุกด้านเป็นไปตามแผนเผชิญเหตุ ทั้งอุปกรณ์และกำลังพล อย่างไรก็ตาม เครื่องบินลำดังกล่าวสามารถลงจอดที่ ทสภ. ได้อย่างปลอดภัยเมื่อเวลา 21.11 น. วันที่ 10 ก.พ. โดยใช้ทางวิ่ง 01 R และเข้าจอดที่หลุมจอด 115 ขณะลงจอดและลำเลียงผู้โดยสารลงจากเครื่อง ทสภ.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแล รวมถึงแจกน้ำดื่มแก่ผู้โดยสาร และได้รับแจ้งจากสายการบินในเบื้องต้นว่าจะนำลูกเรือ 15 คน และผู้โดยสาร 331 คน เข้าพักโรงแรมภายนอก และสายการบินจะดำเนินการจัดสรรเที่ยวบินใหม่ให้ผู้โดยสารต่อไป ต่อมาศูนย์สุวรรณภูมิได้รับการประสานจากสายการบินจะมีเที่ยวบินมาจากมอสโก ประเทศรัสเซียบินมารับผู้โดยสารที่ตกค้างจำนวน 331 คน กลับไปยังกรุงมอสโก ด้วยเที่ยวบินที่ SU277D นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคอยอำนวยความสะดวกและประสานความร่วมมือกับด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารเที่ยวบินดังกล่าว โดยกำหนดให้เครื่องเทียบประตูทางออก Gate D3 เวลา 11.33 น. วันที่ 11 ก.พ. โดยภาพบรรยากาศพบว่ามีเจ้าหน้าที่การท่า และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารตามขั้นตอนจนสามารถเดินทางขึ้นเครื่องได้อย่างดีเยี่ยมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่