ตำรวจขอศาลอาญาออกหมายจับ “นายลี รัตนรัศมี” หรือชื่อไทย “สมหวัง บำรุงกิจ” ผู้จ้างวานฆ่า “ลิม คิมยา” นักการเมืองกัมพูชาแล้ว ใช้หลักฐานเส้นทางการเงินโอนให้ “จ่าเอ็ม” 2 ครั้งรวม 6 หมื่นบาท วันเกิดเหตุการติดต่อสั่งการทางโทรศัพท์ระหว่างเกิดเหตุขณะนั่งสั่งการอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และคำให้การของมือปืน ที่ล่าสุดจำนนต่อพยานหลักฐาน เปิดปากอ้างสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการเมืองเร่งประสานตำรวจสากลออกหมายแดง และขอความร่วมมือทางการกัมพูชาช่วยตามตัวกลับมาดำเนินคดี “บิ๊กต่าย” สั่งให้ขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป พบใครเอี่ยวดำเนินคดีทุกคนกรณีสังหารนายลิม คิมยา ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส อดีต สส.พรรคฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา เหตุเกิดบริเวณข้างวัดบวรนิเวศ ใกล้วงเวียนสิบสามห้างย่านบางลำพู ท้องที่ สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. คลี่คลายคดี ติดตามจับกุมนายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม แพน้อย อายุ 41 ปี มือปืน และนายชาคิต หรือชำนาญ บัวปลี อายุ 47 ปี ฐานสนับสนุนขับรถกระบะพาจ่าเอ็มหลบหนีไปส่งบริเวณชายแดนเขมร และขออำนาจศาลออกหมายจับนายคิม ริน พิช คนชี้เป้าชาวกัมพูชา หลังก่อเหตุหนีกลับประเทศไปแล้ว พร้อมประสานตำรวจสากลออกหมายแดงให้ตำรวจกัมพูชาช่วยติดตามจับกุมตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามที่เสนอข่าวไปแล้วความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เผยว่า เมื่อตอนค่ำวันที่ 14 ม.ค. พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับนายลี รัตนรัศมี (Ratanakraksmey Ly) หรือชื่อในประเทศไทยคือ นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ความผิด 3 ข้อหา 1.ข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยง ส่งเสริมหรือด้วยวิธีอื่นใด 2.ข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 3.ข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง พฤติการณ์นายลี หรือนายสมหวัง เป็นผู้จ้างวาน ปรากฏหลักฐานว่าเป็นคนทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตนเอง ส่งข้อความแชตสั่งการ รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และคำให้การรับสารภาพของนายเอกลักษณ์มือปืนผู้สื่อข่าวถามว่า นายลีสั่งการฆ่าเพราะอะไร ผบก.น.1 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัวนายลีเข้าสู่กระบวนการ จึงยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จากข้อมูลที่ตำรวจประมวลได้ ทั้งจากการตรวจสอบโทรศัพท์และสอบสวนนายเอกลักษณ์หรือจ่าเอ็มเพิ่มเติม ให้การว่า นายลีโกรธแค้นส่วนตัวกับผู้ตาย เลยให้จ่าเอ็มจัดการให้ ช่วงแรกนายเอกลักษณ์ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ ตำรวจต้องตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ จากนั้นย้อนกลับไปสอบปากคำนายเอกลักษณ์ใหม่ เจ้าตัวถึงยอมให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ขอให้ข้อมูลเพียงแค่บางส่วน เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดีถามว่านายลีขัดแย้งกับนายลิม คิมยา ผู้ตายเรื่องอะไร ผบก.น.1 กล่าวว่า จากการสอบสวนนายเอกลักษณ์ไม่ทราบว่าทั้งคู่ขัดแย้งกันด้วยเรื่องอะไร และไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร รู้แต่เพียงรูปพรรณจากคนชี้เป้าว่าผู้ตายใส่เสื้อผ้าอย่างไร นั่งอยู่ตรงไหนของรถ พอขี่รถ จยย.มาถึงจุดเกิดเหตุก็ลงมือ ถามต่อว่า กำหนดหรือไม่ว่าต้องลงมือสังหารในไทย เนื่องจากผู้จ้างวานและเป้าหมายเป็นคนเขมร ผบก.น.1 ตอบว่า ยังไม่มีข้อมูล แต่การที่มีการออกหมายจับเพราะตำรวจมีพยานหลักฐานว่า นายลีเป็นผู้จ้างวานและสั่งการ หากได้ตัวมาแล้วจะนำตัวเข้าสู่กระบวนการต่อไป“จากการตรวจสอบข้อมูลนายลี หรือนายสมหวังเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ม.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. พักที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และสั่งการจาก จ.ชลบุรี เหตุเกิดวันที่ 7 ม.ค. นายลีออกจากประเทศไทยไปช่วงเช้าวันที่ 8 ม.ค. มุ่งหน้าประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางปกติ ตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้นายลีเดินทางมาไทยกว่า 100 ครั้ง แต่ยังไม่ทราบว่าเข้ามาทำอะไร ขณะนี้อยู่ระหว่างขอหมายแดง ประสานกับกองการต่างประเทศแล้ว ผู้บังคับบัญชากำชับว่า หากพยานหลักฐานถึงใคร ให้ดำเนินการจับกุมทั้งหมด ส่วนผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 4 คนหรือไม่ ขณะนี้นำผู้ที่ให้การช่วยเหลือจัดหาปืน หรือให้ยืมรถกระบะใช้พามือปืนหลบหนี เรียกมาสอบปากคำและกันไว้เป็นพยานรวมทั้งจะขยายผลต่อไป” ผบก.น.1 กล่าวส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเป็นชาวกัมพูชา อาจไม่ได้รับความร่วมมือส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะไม่มีสนธิสัญญาต่อกัน และอาจถูกตัดตอนด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศกัมพูชา พล.ต.ต.อัฏธพรกล่าวว่า เร่งประสานงานกับทางการกัมพูชาและติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีแล้ว มีรายงานด้วยว่าพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่นายสมหวังโอนให้นายเอกลักษณ์จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกโอนช่วงบ่ายวันที่ 7 ม.ค. จำนวน 30,000 บาท หลังจากก่อเหตุแล้วเวลา 17.45 น. และโอนเงินให้จ่าเอ็มอีกครั้งเวลา 17.50 น. วันเดียวกันอีก 30,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหลบหนีต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมความคืบหน้าคดีร่วมกับ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. รอง ผบช.น. และชุดสืบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าหลังเกิดเหตุตำรวจพิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดภายในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับฝั่งกัมพูชาเพื่อติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่หลบหนีมาดำเนินคดี จากการสอบสวนทราบว่าการก่อเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้จ้างวานและผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ การพูดครั้งนี้ไม่ได้ปกป้องหรือพูดเพื่อเอาใจใคร แต่แนวทางการสืบสวนสอบสวนออกมาชัดเจนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่