ศาลอาญาสืบพยานล่วงหน้า คดีสังหาร “ลิม คิมยา” นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชา ตำรวจพาตัวภรรยาชาวฝรั่งเศสและพี่ชาย คนตายเข้าเบิกความ ภรรยายันเห็นหน้า “จ่าเอ็ม” มือปืนหลังลั่นกระสุนชัดเจน เดินผ่านไปขึ้นรถ จยย.หนีไป ส่วนพี่สามีเห็นคนชี้เป้าขึ้นรถเมล์ออกไปจากที่เกิดเหตุด้วย วันที่ 11 ม.ค.จะเดินทางออกจากประเทศ ไทยแล้ว ตะลึงชุดสืบสวนคลี่คลายคดีตรวจสอบเส้นเงิน พบมีเงินโอนเข้าบัญชี “จ่าเอ็ม” มือปืน 2 ครั้ง ครั้งละ 3 หมื่นบาท รวม 6 หมื่นบาท โอนมาจากบัญชีในต่างประเทศ ก่อนนำไปไถ่ปืนอาวุธสังหาร 22,000 บาท นอกนั้นน่าจะเป็นค่าเดินทางหลบหนีกรณีนายลิม คิมยา (MR.LIM KIM YA) อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชาสัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหว ทางการเมือง อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศใกล้วงเวียนสิบสามห้างถนนบวรนิเวศ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เมื่อเย็นวันที่ 7 ม.ค.ชุดสืบสวนนครบาล ประสานตำรวจกัมพูชาจับกุมจ่าเอ็ม หลังก่อเหตุหลบหนีข้ามชายแดนเข้าไปในพื้นที่ จ.พระตะบอง อยู่ระหว่างประสานนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศ ไทยตามที่เสนอข่าวให้ทราบนั้นความคืบหน้าจาก สน.ชนะสงคราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า วันนี้นัดหมายภรรยาชาวฝรั่งเศส และพี่ชายของนายลิม คิมยา ผู้ตาย ไปพบพนักงานอัยการที่ศาลอาญา เพื่อสอบปากคำล่วงหน้า เนื่องจากทั้ง 2 คนต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ส่วนน้องสาวของจ่าเอ็มกับสามี พนักงานสอบสวนสอบปากคำไปเมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) กรณีเป็นผู้รับกระเป๋าที่มีอาวุธปืนของจ่าเอ็ม หลังยิงนายลิม คิมยา ทั้งคู่ให้การที่เป็นประโยชน์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ตั้งข้อหาและปล่อยตัวไปแล้วเมื่อวาน ขอยืนยันว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ก่อเหตุเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นคือ จ่าเอ็ม กองเรือ (คนยิง) และนายคิมริน พิช (MR.PICH KIMSRIN) อายุ 24 ปี สัญชาติกัมพูชาคนชี้เป้า ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ต่อมาเวลา 13.30 น. หนุ่มโชเฟอร์ขับแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ทะเบียน 1 มข 407 กรุงเทพมหานคร คันที่จ่าเอ็มเรียกโดยสารหลบหนี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หนุ่มโชเฟอร์แท็กซี่ กล่าวว่า ตนเจอจ่าเอ็มในห้องน้ำภายในปั๊มแก๊สพีที จากนั้นจ่าเอ็มถามตนว่าไปบ่อวิน จ.ชลบุรี หรือไม่ จ่าเอ็มดูปกติ ขณะนั้นสวมใส่เสื้อวิน จยย.และมีเสื้อคลุมทับ แจ้งราคาเหมาไป 1,200 บาท เมื่อถึงบ่อวินตนขับกลับทันทีไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ระหว่างทางเห็นจ่าเอ็มนั่งพิมพ์แชตในโทรศัพท์ตลอดทาง และโทรศัพท์คุยกับน้องนัดเจอกันที่บ่อวิน โดยที่ตนไม่เคยทราบข่าวเรื่องจ่าเอ็มมาก่อน กระทั่งมารู้อีกทีวันรุ่งขึ้นสำหรับแท็กซี่คันดังกล่าวชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า หลังจากจ่าเอ็มก่อเหตุยิงนายลิม คิมยา เสียชีวิตแล้ว ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ หลบหนี ก่อนนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มแก๊สแอลพีจี พีที ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จ่าเอ็มขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง คันดังกล่าวมุ่งหน้าไป ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ก่อนออกทางช่องทางธรรมชาติเข้าสู่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา และถูกจับกุมตัวได้ พนักงานสอบสวนสอบปากคำไว้เป็นพยานประกอบสำนวนมีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืนสังหารนายลิม คิมยา พบข้อมูลทางธุรกรรมช่วงเวลา 13.00 น.วันที่ 7 ม.ค. มีเงินโอนมาให้จ่าเอ็มก่อน 30,000 บาท จ่าเอ็มเอา 22,000 บาทไปไถ่เอาปืนที่จำนำไว้ออกมาก่อเหตุ หลังก่อเหตุประมาณ 5 นาทีมีเงินโอนเข้ามาอีก 30,000 บาท ชุดสืบสวนสันนิษฐานอาจเป็นเงินค่าจ้างส่วนหนึ่งหรือให้เป็นเงินใช้จ่ายขณะหลบหนี ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างขยายผลหาตัวเจ้าของเงิน ล่าสุดพบข้อมูลว่าเงินดังกล่าวถูกโอนมาจากต่างประเทศที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ยื่นคำร้องขอสืบพยานบุคคลก่อนฟ้องคดีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ผู้ต้องหายิงนายลิม คิมยา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชาเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา คำร้องระบุว่า สน.ชนะสงครามมีหนังสือถึงผู้ร้องเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ขอให้สืบพยานไว้ก่อนฟ้องคดี เนื่องจากพยานเป็นชาวต่างชาติและจะเดินทางกลับประเทศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.เวลากลางวัน นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาพาอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดติดตัวไปบริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากนั้นเจตนาฆ่านายลิม คิมยา (MR.LIM KIM YA) สัญชาติกัมพูชาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน บริเวณกลางลำตัวด้านหลังผู้เสียหาย 3 นัด กระสุนถูกหน้าอกซ้ายได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุสมดังเจตนาฆ่าของจำเลยพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนคดี แต่เนื่องจากพยานทั้ง 2 ปาก เชื้อชาติกัมพูชาสัญชาติฝรั่งเศส มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศกัมพูชาและประเทศฝรั่งเศส ทั้งสองเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาวันที่ 11 ม.ค. เป็นการยากแก่การนำพยานทั้ง 2 ปาก มาเบิกความต่อศาลในภายหน้า ขออนุญาตนำพยานทั้ง 2 ปาก เข้าสืบพยานก่อนฟ้องในวันที่ 10 ม.ค. ผู้ร้องนำตัว พยานทั้งสองพร้อมล่ามมาศาลแล้ว อยู่ในระหว่างการ คุ้มครองของเจ้าพนักงานตำรวจ ขอศาลโปรดออกนั่งพิจารณาเพื่อสืบพยานล่วงหน้า ขณะนี้นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหา ถูกจับกุมได้ที่ประเทศกัมพูชาอยู่ระหว่างขั้นตอนนำส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อมา ศาลออกนั่งบัลลังก์ที่ห้องพิจารณาคดี 811 เพื่อสืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องโจทก์ 1 ในนั้นมีพยานปากภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม คิม ยา เข้าให้การสืบพยานให้การว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเป็นวิศวกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชา เป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน ยืนยันว่าสามีไม่เคยมีเหตุโกรธเคือง หรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน ในวันเกิดเหตุตนเดินทางเข้ามายัง ประเทศไทยพร้อมกับนายลิม คิม ยา และพี่เขย ก่อนหน้านั้นไปพักผ่อนยังเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 4 วัน ก่อนเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาและผ่านเข้าประเทศไทยผ่านชายแดนปอยเปต ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิม คิม ยา เดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุ ใกล้กับวัดบวรนิเวศฯ การจราจรติดขัด ก่อนที่ตน พี่เขย และนายลิม คิม ยา นำสัมภาระลงจากรถบัส เดินข้าม ถนนไปยังเกาะกลาง ตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้ง หันไปดูเห็นชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านผ่านมา หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวขึ้นรถ จยย.ขี่หนีไปทนายความนำรูปนายเอกลักษณ์มาให้ภรรยานายลิม คิม ยา ดูมั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน ให้การต่อว่า หลังจากเกิดเสียงดังคล้ายประทัด พี่เขยของตนตะโกน ขึ้นมาว่า นายลิม คิม ยา ถูกยิง ขณะนั้นยังไม่เสียชีวิต แต่ว่าไม่มีสติ ตนพบว่าสามีถูกยิงบริเวณด้านหลัง 2 นัด พยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการซีพีอาร์แต่อาการแย่ลงมีเลือดออกจำนวนมาก ขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้างไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพัก มีตำรวจจำนวนหนึ่งพร้อมแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ เวลานั้นชีพจรของสามีไม่เต้น ทำให้มั่นใจว่าสามีเสียชีวิตแล้ว พี่เขยของตนเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถโดยสาร ประจำทาง เวลาที่สามีถูกยิงคาดว่าเวลาประมาณ 17.30- 17.45 น. หลังจากนั้นตนไปให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม ยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวนผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า หลังจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ทำหนังสือประสานทางการทูตไปให้ทางการประเทศกัมพูชา ขอตัวนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ก่อเหตุยิงนายลิม คิมยา อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา กลับมาสอบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สำคัญ มีรายงานว่าทางการกัมพูชาตกลงใจส่งตัวผู้ต้องหาให้ตำรวจไทยแล้ว โดยจะส่งตัวให้บริเวณด่านจุดผ่านแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในวันที่ 10 ม.ค. เวลา 13.00 น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่