“สินบน” หมายถึง ทรัพย์สิน เงินทองหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่น เพื่อจูงใจให้กระทำการหรือละเว้นการกระทำในหน้าที่ ซึ่งขัดต่อกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล“สินบน” เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินสังคมไทยมานานแสนนาน เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้า สร้างความอยุติธรรม และบั่นทอนความศรัทธาของประชาชนต่อภาครัฐ“สินบน” มีหลากหลายรูปแบบ ที่มักจะพบบ่อย เช่น เงินสด สิ่งของมีค่า การเลี้ยงดู การท่องเที่ยว การลดราคา การรับบริการ การรับความบันเทิง การจ้างงาน หุ้นส่วนทางธุรกิจ“การติดสินบน”...เป็นปัญหาการทุจริตที่พบมากในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นในการทุจริตระหว่าง “ภาครัฐ” และ “ภาคธุรกิจ” ในการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่มีการแข่งขันอย่างแท้จริงและกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ทั้งนี้การกระทำความผิดฐานให้สินบน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคดีทุจริตหลายๆครั้งด้วยเช่นกันปัญหาเรื่องสินบนจะก่อให้เกิดผลเสีย ทำลายความโปร่งใสและธรรมาภิบาล การให้สินบนทำให้เกิดช่องโหว่ เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจมิชอบ เอื้อประโยชน์แก่ผู้ให้สินบน ประชาชนไม่ได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ รวมถึงสินบนยังเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน นักลงทุนสูญเสียความมั่นใจ เศรษฐกิจตกต่ำ“การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จึงเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาสินบนนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวด จริงจัง ลงโทษผู้ให้และผู้รับสินบนอย่างเด็ดขาด”สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ตอกย้ำเรื่องสินบนไว้ในบทความออนไลน์ “สินบน” มหันตภัยร้าย ผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ คนไทยไม่จ่ายสินบน...ได้หรือไม่? ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บอกว่า ใครก็อาจกลายเป็นผู้จ่ายสินบนได้ ทั้งชาวบ้าน พ่อค้า นักธุรกิจใหญ่ ชาวไทยและต่างชาติ นักธุรกิจทั้งสีเทาและสีดำ บางครั้งเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเองก็ต้องจ่าย หากต้องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งหรือ...ขอให้หาทางช่วยลดโทษหรือพ้นผิด คนจ่ายสินบนมีทั้งที่ “ตั้งใจจ่าย สมประโยชน์ และจำยอม” อาทิ ซื้อความสะดวกเมื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เช่น ลัดคิว ลดปัญหาวุ่นวายในการเตรียมเอกสารให้ครบ, พ้นผิดจากการกระทำ เช่น ทำผิดกฎจราจร พวกฮั้วประมูลงานรัฐ บริษัทใช้แรงงานผิดกฎหมายแลกกับอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่น การได้สัมปทานของรัฐแบบง่ายๆในราคาต่ำ, ความปลอดภัยจากการคุกคามของเจ้าหน้าที่รัฐ แม้ตนไม่ได้ทำผิดอะไรเลยตัวอย่างข้อหลังสุดนี้คือกรณีคนต่างด้าวทั้งผู้ใช้แรงงานและพ่อค้าแม่ค้าในหลายจังหวัดชายแดนร้องเรียนผ่านองค์กรระหว่างประเทศว่า พวกเขาต้องส่งส่วยรายเดือนด้วยความกลัวถูกจ้องจับผิดและกลั่นแกล้งสะท้อนวลีที่ว่า “เงินซื้อได้ทุกอย่าง!!”ดร.มานะ บอกอีกว่า เราอาจจำแนกที่มาหรือแหล่งกำเนิดอำนาจให้เกิดการเรียกรับสินบน ดังนี้...สินบนในการออกใบอนุญาตอนุมัติ, สินบนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง, สินบนในการแต่งตั้งโยกย้ายสินบนจากการบังคับใช้หรือไม่บังคับใช้กฎหมาย หรือใช้เครื่องแบบไปข่มขู่ประชาชน เช่น ตำรวจ เทศกิจ ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง แรงงาน อาหารและยา ขนส่งทางบก ทรัพย์สินทางปัญญาสินบนในกระบวนการยุติธรรม และสินบนในการใช้อำนาจบริหารจัดการ เช่น การดึงเรื่องให้ล่าช้าหรือเร็วกว่าปกติอนึ่ง “สังคมไทย” ยังมี “สินบน” ที่ไม่เป็นความผิดคือ “สินบนรางวัลนำจับ” ตามกฎหมาย และสินบนที่หมายถึงสิ่งของหรือการกระทำบางอย่างที่คนบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้สิ่งตอบแทนกลับมาประเภทหลังนี้ฟังดูเหมือนการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐที่เรากำลังกล่าวถึง?“คนรับมีอัตราที่กำหนดไว้ คนจ่ายก็มีตัวเลขในใจ...?”ในกรณีที่ประชาชนไปติดต่อราชการ เงินสินบนที่ต้องจ่ายมักถูกเรียกตามกรอบ “อัตราสินบน” ที่ถูกกำหนดไว้โดยเจ้าหน้าที่ เช่น บริษัทชิปปิ้งเมื่อไปเดินเรื่องที่กรมศุลกากร คนทำหมู่บ้านจัดสรรไปยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดิน คนซื้อขายรถยนต์มือสองไปทำนิติกรรมที่ขนส่งทางบกคนเหล่านี้ต่างรู้ดีว่าเรื่องไหนต้องจ่ายเท่าไหร่ จ่ายโต๊ะไหน จ่ายอย่างไร เป็นต้น...ในหลายกรณี “การเจรจา” จะเป็นตัวกำหนดมูลค่าสินบน เช่น ตำรวจจราจรอาจเรียกเงิน 100-1,000 บาท แต่หากเป็นเมกะโปรเจกต์หรือคอร์รัปชันเชิงนโยบายที่ผู้จ่ายหวังได้ลาภก้อนใหญ่...ต้องอาศัยสายสัมพันธ์กับนักการเมืองที่มีอำนาจมาก กรณีเช่นนี้ย่อมต้องแลกด้วยสินบนมูลค่ามหาศาล น่าแปลกใจที่คนจ่ายมักมีตัวเลขในใจว่าควรจ่ายเท่าไหร่ โดยรู้จากประสบ การณ์หรือข้อมูลที่สอบถามมา การหยิบยื่นสินบน...โดยปกติต้องจ่ายเป็นเงินสด มีบ้างที่จ่ายเป็นทอง อัญมณี พระเครื่อง...ซื้อทัวร์ให้ไปเที่ยวต่างประเทศแถมเงินติดกระเป๋า ระยะหลังนิยมให้สินค้าแบรนด์เนม หุ้นของบริษัท จ่ายเป็นเงินคริปโต ฯลฯ หากต้องโอนเงินทางธนาคารในประเทศมักทำผ่านบัญชีม้า ถ้าเป็นเงินจำนวนมากก็โอนเข้าบัญชีธนาคารในต่างประเทศ โดยชื่อผู้รับโอนเงินอาจเป็นคนในครอบครัว ภรรยาน้อย หรือหน้าม้านอมินีที่น่าสนใจคือ ข่าวที่ระบุว่า “นักการเมือง” แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันด้วยการแต่งตั้งให้คนของอีกฝ่ายมีตำแหน่งทางการเมืองหรือในหน่วยงานของรัฐได้อีกด้วยในการประเมินดัชนีคอร์รัปชันโลก (CPI) ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ มี 7 ใน 9 แหล่งข้อมูลที่ตั้งคำถาม เกี่ยวกับสินบน ซึ่งสะท้อนว่า...วิกฤตินี้เป็นปัญหาที่คนไทยและต่างชาติมองเห็นร่วมกัน ดังนั้นหากหยุดการเรียกรับสินบนไม่ได้ก็ยากที่ไทยเราจะก้าวทันโลกคิดว่า “คนไทยไม่ยอมจ่ายสินบนทุกกรณี เป็นไปได้ไหมครับ?”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม