นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ไปแสดงปาฐกถาเรื่อง Soft Power ในงานเดลินิวส์ทอล์กว่า ประเทศไทยติดกับดับรายได้ปานกลางมาหลายสิบปี การยกระดับให้เป็นประเทศรายได้สูงไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปัจจัยความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจครั้งใหญ่” หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ Soft Power ที่รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะเป็น “เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่” ที่จะ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้พุ่งทะยานภายในทศวรรษหน้า ให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง คนไทยทุกคนไม่ยากจนอีกต่อไป เรามีทุกวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ เช่น อาหารไทยที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้มาลิ้มลอง การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสูง เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการ 1 ครอบครัว 1 Soft Powerนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขานุการคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ขึ้นเวทีอธิบายต่อว่า คำนิยามซอฟต์พาวเวอร์ของไทย คือ “การมีเสน่ห์” ซึ่งเป็น คำนิยามที่แตกต่างจากชาวโลกไปเลย น่าจะมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ใช้คำนิยามนี้Soft Power ในนิยามของ Global Soft Power Index ที่ใช้จัดอันดับ Soft Power โลก ทุกปี กำหนดให้มีตัวชี้วัด 3 ด้าน คือ ความคุ้นเคย (Familiarity) ชื่อเสียง (Reputation) อิทธิพลที่มีต่อประเทศอื่น (Influence) ร่วมกับการวิเคราะห์ผ่าน 8 เสาหลักของ Soft Power ได้แก่ ธุรกิจและการค้า (Business & Trade) การปกครอง (Governance) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relation) วัฒนธรรมและมรดก (Culture & Heritage) สื่อและการสื่อสาร (Media & Communication) การศึกษาและวิทยาศาสตร์ (Education & Science) ประชาชนและค่านิยม (People & Values) และ อนาคตที่ยั่งยืน (Sustainable Future)และยังมี “ตัวชี้วัดย่อย” อีก 40 กว่าข้อ เช่น ความคล่องตัวในการทำธุรกิจ เสถียรภาพทางการเมือง อิทธิพลทางการทูต ความเป็นมิตรของผู้คน การลงทุนในเทคโนโลยี ฯลฯผลการจัดอันดับ ดัชนีซอฟต์พาวเวอร์โลก Global Soft Power Index 2024 โดย Brand Finance ในปีนี้ สหรัฐฯ ยังครองอันดับ 1 ด้วยคะแนน 78.8 คะแนน อันดับ 2 สหราชอาณาจักร 71.8 คะแนน อันดับ 3 จีน 71.2 คะแนน (ขึ้นมาจากอันดับ 5) อันดับ 4 ญี่ปุ่น 70.6 คะแนน อันดับ 5 เยอรมนี 69.8 คะแนน (หล่นจากอันดับ 3) และ Thailand ประเทศไทย อันดับที่ 40 ของโลกมี 44.8 คะแนน ขยับขึ้นมาจากอันดับ 41 ในปีที่แล้ว และอยู่ใน อันดับ 3 ของอาเซียน รองจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย แม้แต่ Soft Power ไทยก็ยังแพ้สองประเทศ เล็กๆ เพื่อนบ้านไทย สิ่งสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์และมาเลเซียผงาดในโลกเหนือกว่าไทย ก็คือ การศึกษาที่ดีกว่า ไม่ใช่ มีเสน่ห์ที่ดีกว่า หรือ โปรยเสน่ห์เก่งกว่าไทย แต่อย่างใดผมคิดว่า นายกฯแพทองธาร คงเข้าใจเรื่อง Soft Power ไม่ดีพอ พูดทีไรจึงถูกนิดถูกหน่อย แต่ผิดมากกว่า ยิ่ง “หมอเลี้ยบ” มานิยามใหม่ว่าคือเสน่ห์ ยิ่งพาเข้าป่าไปกันใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy Agency) ของไทย ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน นายกฯควรไปอ่านให้เข้าใจว่า Soft Power ไม่ใช่วัดวาอาราม ท่ารำที่อ่อนช้อยมวยไทย ต้มยำกุ้ง ข้าวเหนียวมะม่วง ทะเลสวยหาดทรายขาว ซึ่งเป็นสินทรัพย์และของดีของไทยที่เป็นที่นิยมทั่วโลกSoft Power มีนิยามความหมายที่กว้างกว่าการส่งออกวัฒนธรรม ภาพจำ และสินค้าไทยSoft Power คือ ยุทธศาสตร์หนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หมายถึง “กระบวนการ” หรือ “กลไก” สร้างอำนาจต่อรองในระดับนานาชาติ ผ่านการดึงดูดทางวัฒนธรรมด้วยสื่อ การท่องเที่ยว หรือ นโยบายต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้าง National Branding ให้โลกจดจำ ไม่ใช่ 1 ครอบครัว 1 Soft Power อย่างที่นิยามกันเองจนไม่รู้ ความหมายที่แท้จริงของ Soft Power คืออะไร.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม