สิงหาคม ฤดูมรสุมล้อมประเทศไทยรอบทิศ อิทธิฤทธิ์ “ลานีญา” ทำฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากท่วมเมือง ทั้งฟากตะวันออก จังหวัดตราด จันทบุรี ปราจีนบุรี ระยอง นครนายก ขณะที่ฟากตะวันตกก็น้ำทะลักไล่ตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอนที่ดอน ที่สูง ต้องขนของหนีกันจ้าละหวั่น สัญญาณเตือนชาวนาที่ลุ่ม ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ต้องรีบเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วมกันน้ำบาน แต่ที่หนีไม่ทันก็อย่างที่เห็นปลาตายเกลื่อนทั้งกระชังผลผลิตเสียหายแค่ชั่วพริบตา จากภัยพิบัติธรรมชาติที่มาตามข้อมูลอุตุนิยมวิทยาโลกคาดการณ์ล่วงหน้าปรากฏการณ์ “ลานีญา” ถล่มเอเชีย หนักทั้งอินเดีย จีน เกาหลีเหนือ รวมถึงไทยวิกฤติอุทกภัยจ่อตรงหน้า ฝ่ายบริหาร รัฐบาลตั้งหลักรับมือให้ดีฤดูมรสุม พายุฝนส่อเค้าหนักเป็นประวัติการณ์ ในจังหวะสถานการณ์ที่มรสุมการเมือง ในห้วงเดือนสิงหาคมก็จ่อหลายลูกตามคิวคดีเดิมพันที่มาถึงจุดลุ้นระทึก นัดฟันธงไล่เลี่ยกันช็อตสำคัญที่จะก่อคลื่นกระแทกโคลงเคลงพลิกคว่ำพลิกหงาย โดยแรงตกกระทบอาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กระทบรัฐบาลผสมสูตรพิสดารสั่นสะเทือนไปถึงการเขย่าขั้วอำนาจกันใหม่ในบรรยากาศตึงเครียดแบบที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยในคดีสำคัญ อนุญาตเฉพาะคู่กรณีเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าลุ้นผลคดีแบบเกาะติดหน้าบัลลังก์ประกาศพื้นที่รอบศาลรัฐธรรมนูญเป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันเหตุอันตราย หลีกเลี่ยงความวุ่นวาย สถานการณ์ไม่คาดฝันจากมวลชนที่จะเกณฑ์กันมาทั้งฝั่งกองเชียร์และกองแช่งอาจแสดงออกเลยเถิด เสี่ยงละเมิดกฎหมายจนคุมไม่อยู่ไม่รู้ใครเป็นใครในสถานการณ์ได้เสีย ต้องมีทั้งฝ่ายสมหวังและผิดหวังไล่ตามโปรแกรมตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม เวลา 15.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย ชี้ขาดคดียุบพรรคก้าวไกล ตามคำร้องของนายทะเบียนพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ข้อหามีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯจากการนำเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112ท่ามกลางแรงปลุกเร้ากองเชียร์รอบทิศ พลังของกองทัพด้อมส้มที่กระพือควันสัญญาณให้เป็นเป้าโฟกัสสายตานานาชาติร่วมเฝ้าจับตา โยงเป็นเงื่อนไขผูกติดกับพัฒนาการระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยส่งผลถึงเศรษฐกิจ เครดิตในการเจรจาความร่วมมือระดับสากลในอารมณ์ทีมเด็กรุ่นใหม่ต้องโหนพลังแนวร่วมประชา ธิปไตย แห่เสรีนิยมตามกระแสโลกยุคใหม่ ชดเชยกับสถานะไร้เส้นสาย ปัจจัยเอื้อเกมอำนาจการเมืองโบราณ สู้ฝ่ายโหนอนุรักษ์นิยมไม่ได้อาการเหมือนจะรู้ชะตาตัวเองดี ยากจะฝ่าด่านม่านประเพณี แต่ก็ยังใจดีสู้เสือ ถอยไปโต้ไป แบบที่ “เดอะต๋อม” นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แท็กทีม “ตัวพ่อด้อมส้ม” อย่าง “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปฏิบัติการ “เบิกความนอกศาล”แถลงปิดคดีส่งท้ายต่อสาธารณะ โชว์ข้อมูลหักล้างข้อกล่าวหาโทษประหารทางการเมืองพร้อมประกาศก้องล่วงหน้า ไม่ว่าวันที่ 7 สิงหาคม จะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังเดินหน้าไปต่อด้วยชุดอุดมการณ์ร่วมที่ถูกจุดติดจนลุกโชนในสังคมคนรุ่นใหม่จากอนาคตใหม่ สู่ก้าวไกล สู่อนาคต“พิธา” นำแถวยืดอกเข้าหลักประหาร ปรับยุทธศาสตร์รองรับโทษแบนออกนอกสนาม โดยยกระดับเป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ปลุกเร้ากองเชียร์ กระตุ้นพลังด้อมส้มไม่ให้แกว่งไปกับชะตากรรมของแกนนำแถวสองในสถานการณ์ที่ “กองแช่ง” กระดี๊กระด๊า กับวิบากของทีมก้าวไกลโดนล้มกระดานตอนจนแทบสูญพันธุ์ ผู้นำแถวสามโตมาทดแทนไม่ทันจังหวะปั่นป่วน บ้านแตกสาแหรกขาด เป็นโอกาสไล่ต้อนงูเห่า ว่ากันถึงขนาดใส่ตัวเลข เบ่งแต้ม พองลมกันล่วงหน้า โดยเฉพาะอาการคึกคักที่สะท้อนออกมาจากค่ายพลังประชารัฐ ชัดเจนถึงขั้นแว่วๆ “คนในป่า” เชิญ สส.ก้าวไกลไปเลี้ยงข้าว “มัดจำ” กันถึงคฤหาสน์หรูย่านมีนบุรีตามจังหวะล้อกระแส “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่เลิกหวังครั้งหนึ่งในชีวิตลุ้นเสียบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่แน่ คนแก่หลอกเด็ก หรือเด็กหลอกคนแก่ แต่จังหวะมันเอื้อพอดีและนั่นก็ต้องยกป้ายแข่งกันประมูลราคาสู้กับทีมเพื่อไทย ที่มีเสียงออกมาจาก “เถ้าแก่ใหญ่” สั่งไล่ช็อป สส.แตกทัพทีมก้าวไกล ตามเหลี่ยมถนัดไปตั้งค่าย “นอมินี” ฝากเลี้ยงงูเห่าไว้เป็นการเนียนๆเซียนคณิตศาสตร์การเมือง ต้องล็อกสมการรัฐบาลผสมสูตรพิสดารส่วนที่เก็บอาการ ซ่อนไต๋ ก็คือก๊วนเซราะกราวภูมิใจไทย เจ้าเก่าที่ก่อตำนานต้อนงูเห่าสีส้มจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็เชื่อได้เลยว่า ไม่พลาดคิวกวาด สส.แตกค่ายก้าวไกล รอจังหวะเสียบตาเป็นมันตามเกมพองลมของ “ครูใหญ่” ทาบรัศมี “นายใหญ่”ภูมิใจไทย เพื่อไทย พลังประชารัฐ ตั้งฟาร์มรอช้อนงูเห่าจากก้าวไกล โดยวิบากกรรมของฝ่ายเสรีนิยมส่งผลต่อการปรับดุลอำนาจในขบวนอนุรักษ์นิยมจังหวะเขย่ารัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงกันอย่างไม่บังเอิญ เมื่อถัดไปอีก 7 วัน มรสุมการเมืองลูกใหญ่ไม่แพ้กัน วันที่ 14 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากคดีผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่เคยโดนศาลฎีกาสั่งขังคุก เป็นนักโทษในเรือนจำ จากปมถุงขนม 2 ล้านบาทถ้าผลออกมาเป็นบวก นายเศรษฐาก็ยังเล่นบท “เดอะเซลส์แมนประเทศไทย” ต่อไป แต่นั่นก็ต้องอยู่ในรัศมีเงาทาบทับของประมุขบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ภายใต้ดีลอำนาจ เรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองตามสภาพที่แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ปุเลงๆกันต่อแต่จะบันเทิงกว่า ถ้าหากผลออกมาเป็นลบ นายเศรษฐาโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ต้องหลุดเก้าอี้นายกฯโดยอัตโนมัติต้องหามแห่ผู้นำคนใหม่ ไล่คิวบัญชีนายกรัฐมนตรีไปโหวตกันในสภาฯจาก “ดีลลังกาวี” ที่แชร์กันลงตัวในหมู่หัวขบวนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทีมเก่ารัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. ยอมก้มหลบให้พรรคเพื่อไทยที่ตระบัดสัตย์แหกขั้วประชาธิปไตยขึ้นเป็นผู้ถือธงนำตามไฟต์บังคับท่ายาก หนีไม่พ้นกระเพื่อม ตามจังหวะการขย่มของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทย ที่ยึดสัมปทานสภาสูง ครองเกม “สว.โป๊ะแตก” พลิกกลับมาถือดุลบี้กับเพื่อไทยที่กุมเสียง สส.มากสุดในรัฐบาลไม่นับเกมผูกเสี่ยวอยู่ในทีมสีน้ำเงิน สัมพันธ์แน่นปึ้กมาตั้งแต่วีรกรรม “มันจบแล้วครับนาย” ถึงนาทีนี้ “บิ๊กป้อม” กับนายเนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” ค่ายภูมิใจไทย ก็ยังแยกกันไม่ออก โดยสถานการณ์บ่งบอก อาการ “นายใหญ่” หมั่นไส้ “คนในป่า” ยังไง ก็ได้แค่กระตุกลูกหาบเพื่อไทย ออกมาขู่ กำราบหอกข้างแคร่แต่ก็ยังไม่กล้า “หักดิบ” อัปเปหิ “ลุงจอมเฮี้ยว” พ้นชายคารัฐบาลดุลอำนาจต่อรองไหลไปอยู่ในมือ 2 น. “เนวิน-เสี่ยหนู” ก๊วนเซราะกราว จังหวะเบียดขึ้นมาประชันเพื่อไทยในการแย่งถือธงนำขบวนอนุรักษ์นิยมวัดคมเขี้ยวกันในเกมอำนาจการเมืองโบราณสถานการณ์แบบที่นักข่าวแหย่ไมโครโฟนถาม “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ตามสถานะของคนราศีจับ “นายกฯ” เสียบแทนสื่อเล่นกระแสข้ามช็อตล่วงหน้า เพราะคุ้นกับธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ที่ว่าชัวร์ ที่ว่าแน่ เกมพลิกกันแค่ชั่วข้ามคืน ยิ่งเป็นอะไรที่กระตุ้นต่อมตื่นเต้น ตามจังหวะซุ่มโป่ง โผล่มาฮือฮา เมื่อศาลอาญายกคำร้อง “ไฟแดง” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่อนุญาตตามคำขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปพำนักอยู่คฤหาสน์ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตามข้ออ้างในการบินไปพบแพทย์รักษาอาการป่วยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจ เอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนพร้อมกับแทรกคิวภารกิจส่วนตัว นัดหมายคนสำคัญหลายคนโดยศาลให้เหตุผลชัดๆเลยว่า อาการป่วยของจำเลยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทยตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่นายทักษิณขอเดินทางระหว่างวันที่ 1-16 สิงหาคม ใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีอาญา มาตรา 112 วันที่ 19 สิงหาคม ในชั้นนี้จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงยกคำร้องเรื่องของเรื่อง ในเครื่องหมายคำถาม ทำไม “นายใหญ่” ถึงต้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตามจังหวะสถานการณ์มันก็ยิ่งเร้ามรสุมการเมืองในเดือนสิงหาคมเพิ่มดีกรีระทึกใจ ลุ้นคดีเดิมพัน จุดพลิกผันอำนาจ."ทีมการเมือง"คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม