หัวหินเร่งกวาดล้าง “ปลาหมอคางดำ” ที่กำลัง ระบาดทำลายระบบนิเวศ ระดมนำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติให้ชาวบ้านเอาไปประกอบอาหาร อาทิ ทำปลาหมอแดดเดียวไว้กิน สมุทรสาครปล่อยปลากะพงที่เป็นปลานักล่า 3 หมื่นตัวลงทะเลอ่าวไทย ไปเขมือบลูกปลาหมอคางดำช่วยตัดวงจร ชาวเมืองคอนแฉเหตุปลาหมอคางดำระบาดวงกว้าง เพราะชาวบ้านไม่รู้จักเข้าใจผิดว่าเป็นปลานิลและนำปล่อยตามแหล่งน้ำจนแพร่ไปทั่วหยุดไม่อยู่ ด้าน กทม.จับปลาหมอคางดำมาทำเมนูเด็ดชวนน้ำลายไหล อาทิ ทำปลาหมอราดซอสมะขาม แกงส้มปลาหมอคางดำ ในโครงการ BKKFoodBank ปัญหา “ปลาหมอคางดำ” ที่กำลังระบาดและทำลายระบบนิเวศของสัตว์น้ำ ที่ลามระบาดไปหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ว่าที่ ร.ต.สมนึก พรหมศร ประมงจังหวัดประจวบฯ นายกิติศักดิ์ บัวลาด ประมงอำเภอหัวหิน นายวินัย วรรณสุก ประธานกลุ่มประมงเรือเล็กหัวดอน นำชาวประมงพร้อมอุปกรณ์จับสัตว์น้ำลงจับปลาหมอคางดำในคลองพระราชดำริ (คลองระบายน้ำตะเกียบ) ตลอดแนวจรดด้านข้างวัดเขาไกรลาศ อ.หัวหิน ตรวจสอบปริมาณปลาหมอคางดำที่กำลังระบาดและวางแผนการกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ชาวบ้านจับปลาหมอคางดำได้เกือบ 100 กก. ส่วนใหญ่นำไปประกอบอาหาร ทำปลาแห้ง ปลาแดดเดียวว่าที่ ร.ต.สมนึก พรหมศรกล่าวว่า เป็นการร่วมมือกันระหว่างชาวบ้าน ชาวประมงและหน่วยงานในพื้นที่ จับปลาหมอคางดำเพื่อตรวจสอบความชุกชุม ขณะนี้มีการระบาดของปลาหมอคางดำหลายแห่งในจังหวัดประจวบฯ เช่นที่ อ.หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี และอำเภอเมือง บางพื้นที่มีเบาบางแต่ต้องเอาขึ้นมาทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ขยายต่อ ที่ประจวบฯ ไม่มีโรงงานปลาป่นในพื้นที่ แต่จะเชื่อมโยงให้มีกลุ่มผู้รับซื้อปลา เพื่อนำปลาส่งไปขายให้โรงงานปลาป่น แต่ถ้าเป็นปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ทำอาหารได้เลยกรมประมงยืนยันว่ากินได้ไม่เป็นอันตรายส่วนความคืบหน้ากรณีครอบครัวนายวรรณะ ยอดแก้ว อายุ 71 ปี และนายวรวิทย์ ยอดแก้ว อายุ 49 ปี สองพ่อลูกเกษตรกรเลี้ยงกุ้ง ที่ ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ถูกปลาหมอคางดำ แพร่ระบาดในบ่อกุ้งทำให้จับกุ้งได้น้อยกว่าปกติเสียหายกว่า 3 แสนบาท เพราะคิดว่าปลาหมอคางดำเป็นปลานิลที่เลี้ยงควบคู่กับกุ้งได้ในบ่อเดียวกันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้ได้ทราบ ชาวบ้านเพิ่งรู้เมื่อสื่อมวลชนเสนอข่าวและเจ้าหน้าที่ประมงมักจะตำหนิ โทษผู้เลี้ยงกุ้งว่าปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบ ไม่ดูแลบ่อเลี้ยงกุ้ง มีปลาหมอคางดำในบ่อทำไมใช้กากชาโรยในบ่อเพื่อฆ่าปลาหมอคางดำ พอเกิดความเสียก็โวยวายนายกรวิทย์กล่าวว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาชาวบ้านไม่รู้จัก แยกไม่ออกว่าเป็นปลานิลหรือปลาหมอคางดำและเข้าใจว่าเป็นปลานิลหรือปลาหมอเทศ พรรคพวกเพื่อนฝูงและญาติๆ ที่อยู่ใน อ.ชะอวดและใกล้เคียงที่เคยมาเยี่ยมชมบ่อเลี้ยงกุ้ง ไม่รู้จักปลาหมอคางดำคิดว่าเป็นปลานิล ได้ขอนำกลับไปปล่อยในบ่อเลี้ยงหรือแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่หลายอำเภอ เชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบกันจริงๆ ขณะนี้ในจังหวัดนครฯน่าจะมีปลาหมอคางดำแพร่ระบาดเกือบ 10 อำเภอแล้วก็ได้ขณะที่นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เป็นคนแรกของจังหวัด และภาคใต้ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ ในจังหวัด เคยแนะนำให้ทำหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ เพื่อให้กรมประมงเยียวยาชดเชยความเสียหาย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ประมงตำหนิและกล่าวหาว่ารายงานความเสียหายเกินความเป็นจริง หากเจ้าหน้าที่ประมงมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับชาวบ้านอย่างจริงจัง เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามบานปลายจนถึงปัจจุบันนี้ ที่บริเวณด้านข้างอาคารสมาคมประมงสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร วันเดียวกัน นายผล ดำธรรม ผวจ.สมุทรสาคร เป็นประธานพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ โครงการสืบชะตาทะเลอ่าวไทยตอนบนที่สมุทรสาคร ครั้งที่ 13 มีการปล่อยพันธุ์ปลากะพง 35,000 ตัว และลูกปูม้า 20,000 ตัว นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เผยว่า มาตรการกำจัดปลาหมอคางดำด้วยปลากะพงได้กำจัดไปประมาณ 6 แสนกิโลกรัม ตอนนี้ที่พบคือลูกปลาเริ่มออกมาและเป็นไซส์เล็กเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ฉะนั้นพอตัวใหญ่ลดลงต้องเพิ่มตัวที่กำจัดตัวเล็ก ตอนนี้มองหาปลาผู้ล่าที่ดีที่สุด คือปลากะพง ที่เริ่มปล่อยตั้งแต่เดือน ก.พ. 20,000 ตัว ที่หน้าวัดกำพร้า อ.เมืองสมุทรสาคร ตอนนี้เริ่มทำงานแล้ว มีชาวประมงที่จับได้และผ่าท้องดูเจอปลาหมอคางดำ ขณะที่มีกลุ่มเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา นำลูกปลากะพงมาปล่อย 30,000 ตัว มีขนาดตั้งแต่ 4-8 นิ้ว เพื่อมาตัดวงจรลูกพันธุ์ปลาหมอคางดำเพื่อไม่ให้ ขยายพันธุ์ได้ต่อที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน เช้าวันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. นำคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารเขตบางขุนเทียนและภาคเอกชนในเขตบางขุนเทียน ร่วมทำกิจกรรม BKK Food Bank ด้วยการรับซื้อปลาหมอคางดำจากประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ในราคา กก.ละ 20-30 บาท จำนวน 1 ตัน มาทำอาหารแบ่งปันให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในพื้นที่บางขุนเทียน เพื่อลดจำนวนปลาหมอคางดำที่กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครหลายเขต โดยทำเมนูอาหาร อาทิ ปลาหมอคางดำราดซอสเปรี้ยวหวาน ปลาหมอคางดำทอดเกลือ ฉู่ฉี่ปลาหมอคางดำ แกงส้มปลาหมอคางดำ ปลาร้าปลาหมอคางดำ ปลาหมอคางดำราดพริกสมุนไพรและปลาหมอคางดำราดซอสมะขาม ฝีมือของ 2 เชฟคนดัง คือ เชฟชุมพล แจ้งไพร จากร้าน R-HAAN และเชฟเมธัส ปาทาน จากสหสเตนเลสสตีล ให้ประชาชนและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานได้ลองชิม นายชัชชาติกล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ทำตามนโยบายของของกรมประมงที่ขอความร่วมมือช่วยกำจัดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ กทม.เร่งประสานความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มาตรการหนึ่งคือ รณรงค์ให้มีการบริโภคปลาหมอคางดำมากขึ้น ด้วยการร่วมกับภาคเอกชนรับซื้อปลาหมอคางดำ มาทำเป็นอาหารในโครงการ BKK Food Bank แจกจ่ายให้กลุ่มผู้เปราะบางและยังช่วยให้ประชาชนมีรายได้ จากการนำปลาหมอคางดำมาทำอาหารต่างๆ จะเห็นว่า เนื้อปลาชนิดนี้มีรสชาติอร่อยพอสมควร มีสารอาหารโปรตีนสูง ไม่อยากให้เรียกว่าปลาเอเลี่ยน เพราะจะทำคนรู้สึกกลัว ไม่กล้ากิน ส่วนการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ กทม.ส่วนใหญ่ จะพบในเขตพื้นที่เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน เนื่องจากเป็นพื้นที่มีลำน้ำธรรมชาติเชื่อมต่อกับจ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม ที่มีการแพร่ระบาดสูง มีเกษตรกรได้รับผลกระทบประมาณ 800 กว่าคน กทม.จะประสานกับกรมประมงช่วยเหลือเยียวยาต่อไป สำหรับการแพร่ระบาดในแหล่งน้ำธรรมชาติอื่นๆนั้นได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจตรวจสอบอยู่อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่