กว่าจะเป็น “ศิลปิน” ไม่ใช่เรื่องง่าย! สำหรับ จีเจษ-เจษฎากร ทิมวิจิตร ศิลปินน้องใหม่จากค่าย “SUPER’ BOSS RECORD” หลังปล่อยซิงเกิล “ชาเย็น (เพิ่มหวาน)” ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟัง ถือเป็นการลบปมที่ติดค้างในใจจนได้ปลดล็อกชีวิตหลัง บอส-นัทธพงศ์ ไมทอง เห็นศักยภาพในตัว เลยเปิดโอกาสให้ปล่อยของได้เต็มที่ จีเจษ เล่าจุดเริ่มต้น กว่าจะเป็นศิลปินเกิดขึ้นได้ยังไง จีเจษ เผยว่า “ผมได้รู้จักกับพี่แน็ทตี้ เดอะสตาร์ เป็นคนชวนไปเล่นซีรีส์ของพี่บอส-นัทธพงศ์ เป็นเอกซ์ตรา เมนครับ รู้จักพี่บอสอยู่แล้ว ผมทำเพลงตั้งแต่ ม.4-ม.5 เขียนเพลงเอง ทำลงยูทูบด้วย ได้แสดงซีรีส์ของพี่บอสเรื่อง High school bully (ไฮสคูล บูลลี่ ) พอแสดงเสร็จติดต่อกัน ผมมีเพลงนึง เพลงชาเย็น (เพิ่มหวาน) เพลงนี้นี่แหละ ส่งเดโม่ให้พี่บอสลองฟัง พี่เค้าชอบเลยจับมาฟังเป็นออฟฟิเชียล ทำเป็นงานจริงๆจากทำเล่นๆ” กับชื่อเพลงนี้ทำไมถึงใช้ชื่อ ชาเย็น (เพิ่มหวาน) ไม่กลัวเบาหวานตัดขาเหรอ“เป็นคำเปรียบเปรยผู้หญิงคนที่เราชอบ เป็นคนที่เราชอบ เป็นคนชาเย็น เย็นชา เป็นการเล่นคำ เราอยากเพิ่มหวานให้เขาสักนิดนึง” เหมือนเป็นเพลงป๊อปแต่มีความแร็ป ฮิปฮอปด้วย“จริงๆกะให้เป็นป๊อป อาร์แอนด์บี ฟังไปฟังมา ถ้ามันไม่มีลูกเล่นอะไรเลยดูทื่อๆ เรียบไปเลยใส่แร็ป เมโลดี้ ผสมลงไปด้วย มีอะไรเพิ่มขึ้น” กลายเป็นเพลงเปิดตัวรู้สึกยังไงบ้าง“เกินความคาดหมายครับ ตอนแรกพี่บอสไม่สนใจเลย ส่วนมากปั้นนักร้องที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ทำไปทำมาพี่บอสสนใจถือว่าเกินความคาดหมายมากๆ”พอปล่อยเพลงออกไปไปแล้วคนรอบข้างติชมยังไงบ้าง“ถือว่าโอเคครับ จากฟีดแบ็กคนว้าวมาก เป็นท่อนร้องอาร์แอนด์บีอยู่ดีๆ กลายเป็นแร็ป ส่วนที่บ้านตอนแรกไม่สนับสนุนทางนี้เท่าไหร่ ตอนจบ ม.6 อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยแต่ที่บ้านเหมือนห้ามไว้ ทำงานดีกว่ามั้ย ผมดร็อปเรียนมา 2 ปีทำเพลงมาด้วย จนตอนนี้เขยิบมานิดนึง ที่บ้านรู้สึกว่าจีทำได้แล้ว บ้านผมไม่ค่อยพูดตรงๆ จะนิ่งๆ แต่ดูรู้ว่าเค้าก็ภูมิใจเหมือนกัน จีทำได้เหมือนกัน มีเพลงเป็นของตัวเอง ได้ออกเพลงจริงๆแล้ว”ตอนนั้นเสียใจมั้ยที่บ้านไม่เห็นด้วย“เสียใจมากเลยครับ เห็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัย แต่เรายังอยู่ตรงจุดจุดนี้ มันยังไม่ใช่เวลาของเรามั้ยที่จะต้องทำงานหาเงิน มีดิ่งไปช่วงนึงเหมือนกัน เลยแต่งเพลงเศร้าๆเก็บไว้ ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหนตันไปหมด จะทางโน้นก็ไปทางนี้ก็ไม่ได้ มีทางเลือกอยู่ทางเดียว ทำเงินได้จริงแต่เราไม่มีความสุข จุดที่เราทำอยู่เลยอาศัยเขียนเพลง”ตัดสินใจกลับมาเรียนด้วย“รู้สึกว่าช่วง 2 ปีที่ไม่ได้เรียน เริ่มเหนื่อย เริ่มไม่ไหวแล้ว โทร.ไปร้องไห้กับแม่ไม่ไหวจริงๆ รู้สึกตัน ชีวิตผมจะต้องวนอยู่กับแบบนี้จริงๆ เหรอ ผมจะไม่ได้เดินออกไปข้างนอกจริงๆเหรอ มันท้อ ขอตามความฝันขอไปเรียน เลือกลงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ค่าเทอมถูกด้วย รู้สึกดีใจได้กลับไปเรียนอีกครั้ง อย่างน้อยเราทำให้เห็นว่าผมเรียนอยู่นะ ทำตามฝันด้วยอยากให้เขาเห็น เพราะการเรียนเป็นหนึ่งความฝัน” ตอนนี้เป็นศิลปินแล้ว ปลดล็อกตัวเองใช่มั้ย“เหมือนได้แก้ปมหลายๆปมในตัวเองที่รู้สึกกับครอบครัว รู้สึกกับตัวเองอยู่แต่บางทีรู้สึกกับตัวเองจะไปยังไงต่อ ถ้าเราเลือกทางนี้ต่อจริงๆ ทั้งๆที่บ้านไม่ได้สนับสนุนตรงนี้เท่าไหร่ เหมือนแก้สองปมนี้ออกจากตัวเองเลย รู้สึกโล่ง” เป็นน้องคนเล็กที่บ้านหวงมั้ย“หวงและห่วงด้วยครับ เป็นลูกคนเล็กในสายตาเค้า เราจะเป็นเด็กน้อย ยังปล่อยไม่ได้ เขารู้สึกอย่างนั้น” ตัวเราล่ะคิดว่าโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว“โตพอดูแลตัวเองได้ จบ ม.6 มา ได้ใช้ชีวิตเร็วกว่าคนอื่น คนอื่นอาจจะไปเรียนกันอยู่แต่ตอนนั้นผมต้องทำงานหาเงิน ต้องแบ่งเงิน ปันส่วนก้อนนี้จะยังไงต่อ จะพอใช้มั้ย ตอนนั้นปวดหัวมากแต่ตอนนี้กลับรู้สึกดี เป็นประสบการณ์ชีวิต แต่แม่ห่วงอยู่ดีครับ”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่