ถึงคิวรองแต้มมือปราบหูดำ “บิ๊กโจ๊ก” ฟ้องหมิ่นเรียก 10 ล้านปมหมิ่นประมาทลั่นจ่อฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะเร่งให้เสร็จใน 2 อาทิตย์ ด้านเจ้าตัวลั่นพร้อมใช้สิทธิต่อสู้ตามกฎหมายเช่นกัน “ทนายตั้ม” เชื่อถูกแช่แข็งสำนวนสอบ “บิ๊กต่อ” ร่ำรวยผิดปกติ ชี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ให้ลูกน้องตรวจสอบผู้บังคับบัญชาใครจะกล้า ขณะที่ “บิ๊กต่อ-ผบ.ตร.” ขึ้นเหนือตรวจเยี่ยม สภ.แม่จัน-ด่านกิ่วทัพยั้ง เชียงราย ให้กำลังใจพร้อมกำชับการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติดก่อนไปเยี่ยม 3 ตำรวจภาค 5 ที่บาดเจ็บจากรถคว่ำขณะปิดล้อมตรวจค้น“รองโจ๊ก” เดินสายฟ้องปกป้องสิทธิ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 28 มิ.ย.ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น.ฉายามือปราบหูดำ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีจงใจใส่ความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท โดยเผยว่ากูรูท่านนี้เป็นคนที่ 2 ที่ฟ้องจากนี้จะฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีจะเร่งให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ ฝากเตือนกูรูว่าการจะสัมภาษณ์อะไรก็แล้วแต่ เป็นการพูดเอามันโดยไม่รู้กฎหมายที่แท้จริงเมื่อกระทบสิทธิต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉพาะกูรูที่อายุมากไม่ควรพูดให้สังคมสับสน ควรอยู่ให้เป็นที่เคารพสักการะเด็กรุ่นใหม่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกอีกว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ไม่ยอมเพิกถอนคำสั่งเพราะทำใจไม่ได้ว่าทำผิดไปแล้ว อายเขาไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อกฎหมายใหม่ออกมาควรยึดตามไม่ใช่ยึดตามกฎหมายเก่า ส่วนจะได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือไม่ มองว่าตนสู้ตามหลักกฎหมาย ไม่ได้ไปขอร้องหรือร้องไห้ให้นายกรัฐมนตรีหรือบุคคลใดช่วย ครั้งที่แล้วที่ถูกย้ายไปช่วยสำนักนายกรัฐมนตรีถือว่าหนักกว่าครั้งนี้ เพราะต้องไปเป็นข้าราชการพลเรือน ไม่เคยขอให้ใครช่วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมองว่าไม่ได้เป็นการแพ็กรวมเอาทั้งองค์กรมาสู้กับตนคนเดียว เพราะในแพ็กมีอยู่ไม่กี่คน แม้แพ็กนี้จะเป็นผู้มีอำนาจ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ทุกวันนี้โดนรุมกินโต๊ะจีนอยู่แล้ว ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ประชาชนเริ่มเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตนต้องต่อสู้ถ้าไม่ต่อสู้คงต้องกลับบ้านส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐทำหนังสือชี้แจงแย้งคำอุทธรณ์ตนส่งกลับไปให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. นั้น รองโจ๊กกล่าวว่า ก.พ.ค.ตร.ส่งคำแย้งกลับมาแล้วอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด วันอังคารที่จะถึงนี้จะทำความเห็นแย้งส่งกลับไปให้ ส่วนการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.เชื่อว่าจะจบภายใน 120 วัน เพราะเป็นการพิจารณาตามข้อกฎหมายไม่ได้ใช้ดุลพินิจสำหรับประเด็นที่ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณะบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอนมองว่า อาจารย์วิชาอาจเข้าใจผิดเรื่องคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัย อาจจะดูข้อมูลเร็วๆทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพราะอาจารย์วิชาเป็นนักกฎหมายที่เก่ง เป็นถึงอดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่อมรู้เรื่องกฎหมายดีแต่กฎหมายตำรวจ มี พ.ร.บ.เฉพาะ ยืนยันจะไม่ฟ้องกลับอาจารย์วิชา เหตุผลที่เลือกมายื่นฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพราะสะดวกใกล้บ้านใกล้สถานที่ออกกำลังกาย ไม่ได้รู้จักบุคคลใดที่ศาลเป็นการส่วนตัวด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ฉายา “มือปราบหูดำ” เผยว่า ที่ผ่านมาเวลาได้รับเชิญไปออกรายการที่ไหน เวลาพูดถึงคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะพูดถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้น ในฐานะที่เคยเป็นพนักงานสอบสวน และเป็นอาจารย์สอนนักเรียนตำรวจ ไม่มีการพูดใส่ร้ายป้ายสี หรือนอกเหนือจากที่เป็นข่าว การที่จะมาฟ้องตน 10 ล้านบาท ก็ว่ากันไป แต่บอกไว้ก่อนว่า ตนเป็นตำรวจจนๆนะและมีสิทธิที่จะต่อสู้ตามกฎหมายเช่นกันวันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เผยถึงการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ. ตร.กรณีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดทรัพย์สินไม่ยื่นครอบครองบ้านพักที่ประเทศอังกฤษว่า เคยบอกแล้วเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน คนระดับ ผบ.ตร.ถูกดำเนินคดีแล้วให้ลูกน้องตรวจสอบจึงไม่มีใครกล้า ตอนนี้สำนวนน่าจะถูกแช่แข็งเรียบร้อยแต่ไปยื่นเรื่องให้เป็นเชิงสัญลักษณ์ให้นายกฯได้เห็นว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เรียกร้องมานานแล้วให้เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาเปิดเผย แต่นายกฯให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกฯอาจมีความผิดในเรื่องจริยธรรมร้ายแรงได้ อย่างไรก็ตาม หากผลตรวจสอบออกมา และนายกฯมีความผิดจะไปร้อง ป.ป.ช.ต่อไปนายษิทรากล่าวว่า มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์จะลาออกเปิดทางให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จริงหรือไม่ นายษิทรากล่าวว่า ก่อนจะลาออกก็ต้องคืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากเป็นไปตามดีล ใครๆก็รู้ ตำรวจก็ทราบกันดีว่ามีการพูดคุยอะไรกันไว้บ้าง ส่วนตัวไม่ได้ร่วมดีลด้วย การหักดีลก็เท่ากับว่ามีคนโดนหลอก แต่ตนไม่ได้โดนหลอก เพราะไม่ได้ไปร่วมด้วย ตนยังแฉอยู่ เมื่อถามถึงกระแสข่าวโยก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย นายษิทรากล่าวว่า เรื่องนี้คิดว่าไม่สำเร็จ เพราะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐไม่โอเคก็จบ ส่วนหากจะย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ต้องเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าตำแหน่งมหาดไทย คนดีๆก็ต้องทำงานดีๆ “เรื่องนี้ประเทศชาติเสียหมด เพราะมีการดีลตกลงผลประโยชน์กันให้ลงตัว ส่วนเรื่องกฎหมายจะเป็นอย่างไร ความยุติธรรมจะเป็นอย่างไรไม่เคยคิดกันเลย คิดแต่เรื่องสมประโยชน์กันของพวกผู้บริหารระดับสูง หรือพวกที่มีอำนาจ”ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในวันเดียวกันได้เดินทางตรวจเยี่ยมตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย และลงพื้นที่ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ด่านสกัดกั้นยาเสพติดจากชายแดนใน อ.แม่จัน กำชับการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง พร้อมขอบคุณและชมเชยตำรวจ สภ.แม่จัน และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทุกนายที่ตั้งใจและทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลลำปาง อ.เมืองลำปาง เยี่ยมตำรวจที่บาดเจ็บจากเหตุรถยนต์เสียหลักหลุดโค้งถนนสายลำปาง-เด่นชัย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ขณะปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 3 นายคือ พ.ต.ต.วิทย์วศิน นิธิกุลกาญน์ สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5, ส.ต.ท.ภานุพงษ์ ใจยะสุ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และ ส.ต.ต.พิพัฒน์พงษ์ แก้วปวน ผบ.หมู่ (คฝ.) กก.ปพ. บก.สส.ภ.5 พร้อมมอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือ กำชับผู้บังคับบัญชาให้ดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเต็มที่นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังได้เดินทางไปที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เพื่อร่วมพิธีสวดถอนพระวิหารหลวงลายคำ หลังถูกไฟลุกไหม้วิหารเสียหายอย่างหนักเมื่อคืนวันที่ 22 มิ.ย. มีพระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นประธาน ครูบาอริยชาติเดินขึ้นไปบนวิหารเพื่อทำพิธีสวดมนต์พร้อมกับ ผบ.ตร. จากนั้นพระครูบาอริยชาติปีนบันไดนั่งร้านขึ้นไปดูข้าวของมีค่าที่บรรจุไว้ในเกศของพระแสงแก้วโพธิญาณเป็นพระประธานในวิหาร ก่อนจะลงมาบอกกับญาติโยมว่าพระทองคำที่บรรจุในพระเกศไม่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ในครั้งนี้อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่