ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีคดี “ของหายสะพายบาป” ระดับความสำคัญถึงขั้นถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร ลองอ่านกันดูพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติได้ 5 ปี วันนั้นในเดือนสิบเอ็ด แรมแปดค่ำ เสด็จพระราชดำเนินกลับจากพระราชทานพระกฐินสู่พระบรมมหาราชวัง ประทับ ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน แล้วเสด็จขึ้นข้างในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ(ศาลไทยในอดีต ประยุทธ์ สิทธิพันธ์ สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ พ.ศ.2551)ครั้งนั้น มีมือดีสามารถลอบลักพานทองคำรองพระชุด ที่สำหรับทรงจุดพระโอสถ (บุหรี่) ไปได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ดำรัสสั่งพระยาธิเบศร์บดี จางวางกรมมหาดเล็ก ให้เป็นตุลาการศาลรับสั่งพิเศษ ตั้งกองชำระความ โปรดให้ไต่สวนพวกมหาดเล็กห้องเครื่องการไต่สวนสืบจับผู้ร้ายดำเนินไปแต่ยังไร้ร่องรอย เป็นแต่มีความสงสัย ในคืนที่พานพระชุดหาย นายบุญมีมหาดเล็ก รูปร่างขาวโปร่งคล้ายฝรั่ง คนทั้งหลายเรียกนายบุญมีอังกฤษ ตำแหน่งสมุห์บัญชีกรมมหาดเล็กเวรศักดิ์ ออกจากที่เข้าเฝ้าเป็นคนสุดท้ายตุลาการศาลรับสั่งเรียกนายบุญมีไต่สวน นายบุญมีอ้างสักขีพยานปฏิเสธอย่างแข็งแรง พระยาธิเบศร์บดีขัดใจ ที่นายบุญมีขึ้นเสียง สั่งให้ผู้คุมลงเหล็กจำตรวนถึงสองชั้นแล้วไต่ถามเนื้อความต่อนายบุญมียังปฏิเสธ มีคำสั่งให้นำตัวไปผูกเฆี่ยนติดไม้ ตามจารีตนครบาล นายบุญมีทนอาชญาไม่ไหว จำใจสารภาพ ตุลาการสั่งเฆี่ยนซ้ำอีก 5 ที นายบุญมีก็บอกว่า เอาพานทองไปซ่อนไว้ใต้กรงในเรือนแต่เมื่อพาไปหาของกลางก็ไม่เจอ นายบุญมีถูกเฆี่ยนในคาอีกยกหนึ่ง ซ้ำให้ติดไม้ตบต่อยด้วยรองเท้าและกะลามะพร้าวห้าว ตามด้วยการลงหวายเฆี่ยนหลังทวีสิบที (เออ! จารีตนครบาลเป็นเช่นนี้เอง)นายบุญมีสารภาพครั้งนี้ว่า พานทองรองพระชุดนำไปฝากอำแดงยิ้ม ภรรยา ผู้คุมไปเกาะตัวอำแดงยิ้มมา ก็ให้การปํ้าๆเป๋อๆ ก็เพราะกลัวลนลาน ว่าเอาไปขายให้คนที่บ้านโรงครก แต่ไปถึงคนบ้านโรงครกก็ไม่มีตัวตนนายบุญมีกับอำแดงยิ้มเจอทัณฑ์จารีตนครบาล ให้การเปะปะเรื่อยเปื่อยไปจนเจ็บหนัก ต้องพักการไต่สวน เอาตัวขังทิมไว้ ได้รับความทรมานยิ่งระหว่างเวลาคดีความนี้ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้เกณฑ์ทองเหลืองแก่บรรดาข้าราชการ ทั้งฝ่ายพระราชวังหลวงและวังหน้า ตามบัญชีเบี้ยหวัดมากน้อย เพื่อนำมาใช้หล่อปืนใหญ่วันหนึ่ง นายมามหาดเล็กเวรฤทธิ์นำส่งทองเหลืองตามเกณฑ์หนัก 10 ชั่ง เป็นกระโถนทองเหลืองที่ทุบบุบบู้บี้แล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาจำได้เนื้อกระโถนทองเหลืองใบนั้น เป็นกระโถนของหลวงใช้ในท้องพระโรง ซึ่งหายไปหลายเดือนแล้วนายมาถูกจับสอบสวน ตอนแรกปฏิเสธ แต่พอตุลาการสั่งให้ผูกไม้ ตามจารีตนครบาล นายมาก็สารภาพว่าขโมยกระโถนหลวงไปสองใบ ยอมบอกที่ซ่อนกระโถนใบที่สองแต่โดยดีรัชกาลที่ 1 มีพระราชดำรัสสั่งให้สอบสวนนายมาต่อ จึงได้ทราบว่า พานทองคำรองพระชุดที่หาย นายมาคนนี้ลักไปตัดออกขายครึ่งใบ อีกครึ่งใบซ่อนไว้ที่บ้าน นายมาถูกสั่งเฆี่ยนหลัง 60 ทีแล้วถูกส่งตัวเข้าคุกเมื่อคดีพานทองคำรองพระชุดกระจ่าง รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ปล่อยตัวนายบุญมีและภรรยา ทรงปลอบขวัญด้วยการให้เป็นนายขรรค์หุ้มแพร พระราชทานเงินตรา 5 ชั่ง ให้อำแดงยิ้ม 2 ชั่งทั้งพระราชทานบ้านเรือนที่ทรงยึดราชบาตรได้ บริเวณโบสถ์วัดมหรรณพ์ แต่ก่อนเรียกบ้านทะวายให้เป็นกรรมสิทธิ์นายบุญมีคนโชคร้ายเข้าตำราของหายสะพายบาป ก็กลายเป็นคนโชคดีสี่ชั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเข้มแข็งมั่นคงในทศพิธราชธรรมบ้านเมืองมีขื่อแปดีๆ คนไทยเราจึงอยู่เย็นเป็นสุขกันมาได้ถึงวันนี้.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม