เศรษฐกิจไทยวันนี้ ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับที่ รัฐบาลพยายามวาดภาพ เพื่อเป็นช่องทางกู้เงินทางอ้อมไปแจกหาเสียง 5 แสนล้านบาท ข้อมูลล่าสุด 12 เมษายน คุณจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า “มูดี้ส์” หรือ Moody’s Investors Service บริษัทจัดอันดับเครดิตยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐฯ ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)เครดิตระดับ BBB+ มีเสถียรภาพ ถ้าเป็นตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ ถือเป็นระดับที่น่าลงทุน มีความเสี่ยงปานกลางเท่านั้นสาระสำคัญที่ “มูดี้ส์” คงอันดับเครดิตประเทศไทยไว้ที่ BBB+ มีเสถียรภาพ ข้อแรก ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และมีความหลากหลาย มีนโยบายมหภาคที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิผล มูดี้ส์คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตจาก 1.9% ในปี 2566 เป็นประมาณ 3% ในปี 2567-2568 จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว โดยปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 28 ล้านคน ในปี 2566 เป็น 35 ล้านคน ในปี 2567 และจะเพิ่มเป็น 40 ล้านคน ในปี 2568 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมูดี้ส์ยังประเมินว่า การลงทุนของภาครัฐจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้ อีกทั้งภาครัฐได้สนับสนุนการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเพิ่มการมีส่วนร่วมในข้อตกลงการค้าเสรี แต่มูดี้ส์ไม่ได้พูดถึงโครงการ “แลนด์บริดจ์” ที่เป็น เมกะโปรเจกต์ในฝันของรัฐบาล เลยแม้แต่นิดเดียว จนถึงวันนี้ก็ไม่มีข่าวคืบหน้าอะไรเลย หลังจากที่ออกไปโรดโชว์ไม่รู้กี่ประเทศข้อที่สอง มูดี้ส์ระบุว่า ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) ของไทยยังมีความเข้มแข็ง แม้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายขาดดุลทางการคลัง อย่างต่อเนื่อง ในระยะปานกลางรัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ และจะกลับเข้าสู่การดำเนินนโยบาย ทางการคลังอย่างระมัดระวังได้ (Conservative Fiscal Policymaking)นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความสามารถในการชำระหนี้ที่แข็งแกร่ง (Strong Debt Affordability) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน โดยสามารถใช้เครื่องมือการระดมทุนในประเทศที่หลากหลายด้วยต้นทุนตํ่า อีกทั้งหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินบาทและมีอายุเฉลี่ยยาวข้อที่สาม ปัจจัยสำคัญที่ “มูดี้ส์” จะติดตามเพื่อวิเคราะห์อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อไปก็คือ ศักยภาพการผลิต (Productivity) การปฏิิรูปด้านต่างๆเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และ การบริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะในระยะปานกลาง ตลอดจนการมุ่งเข้าสู่สมดุลทางการคลัง (Fiscal Consolidation)ข้อมูลที่มูดี้ส์ใช้จัดอันดับเครดิตประเทศไทย ดูแล้วก็ไม่ต่างไปจากข้อมูลที่ กนง.ใช้พิจารณานโยบายดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายน โดยให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ทั้งนี้ กนง.ให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ฟื้นตัวจากปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น โดยคาดว่า จีดีพีปี 2567 จะขยายตัวที่ 2.6% และปี 2568 ขยายตัวที่ 3.0%Moody’s ให้จีดีพีประเทศไทย ปี 2567 ขยายตัวถึง 3% สูงกว่าของ กนง.ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.6% เป็นการการันตีว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแน่นอน รัฐบาลจะต้องเป็นตัวเร่งเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง อย่าไปด้อยค่าเศรษฐกิจประเทศตัวเองเพื่อเหตุผลในการแจกเงิน อย่าทำครับ อย่าทำ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม