“ยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน...เราก็คงทำใจแล้วว่า มันต้องไม่เหมือนก่อน จะเปลี่ยนดีหรือเปลี่ยนร้าย สุดท้ายเราก็ต้องยอมจำนนแก่มันดิฉันขออนุญาตแสดงความคิดเห็นบ้าง เพราะเคยอยู่ในยุคเฟื่องฟูของละครไทยหลังข่าว เรียกว่าเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุดก็ว่าได้นับแต่ พ.ศ.2525 จนก้าวมาถึง พ.ศ.2545 เรามีการแข่งขันละครหลังข่าวระหว่าง 2 ช่องใหญ่ (ช่อง 7-ช่อง 3) และมีช่อง 5 และช่อง 9 ร่วมผลิตแข่งด้วยยุคนั้นเรามีผู้จัดละครเก่งๆมากมาย เรามีผู้กำกับการแสดงที่แตกฉานหลายท่าน เรามีนักแสดงฝีมือฉกาจท่วมท้นวงการ มีดาราชายหญิงยอดนิยมในดวงใจของแฟนละครแตกดอกผลัดใบไม่ขาดระยะสำคัญสุดคือละครที่นำมาสร้างก็ล้วนมาจากนวนิยายเรื่องโด่งดังทั้งสิ้น แต่ละเรื่องงามทั้งคุณค่าและทรงอิทธิพลทางจิตใจต่อผู้อ่าน เมื่อมาทำเป็นละครก็ย้อนรอยตัวหนังสือได้ประทับใจยิ่งนักดิฉันใจหายมากที่ละครโทรทัศน์ในสมัยนี้ขาดมืออาชีพด้านนี้ไปมากทั้งเนื้อหา คนเขียนบทละคร ผู้ผลิตที่เก่งฉกาจ รวมไปถึงนักแสดงขั้นตีบทแตกก็หายากมากๆหลายเรื่องกลายเป็นละครหน่อมแน้ม เอาสาระความบันเทิงไม่ได้เลย นานๆจะมีละครดีๆให้ได้ซาบซึ่งถึงอดีตได้บ้างอย่างที่บอก ดิฉันรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างไม่อาจจะยั่งยืนตลอดไป แต่หากเป็นการเปลี่ยนแปลที่แย่ลงแล้ว บางทีก็ทำให้เราอยากใฝ่คว้าหาอดีตตลอดเวลาละครทีวีก็เช่นกัน สมัยนี้ทำออกมาสู้อดีตเก่าๆไม่ได้เลย ทั้งๆที่เทคโนโลยีสูงส่งกว่ามากมายหรือคนยุคใหม่ขาดทักษะของศิลปะการละครโทรทัศน์ ไม่เทียบเทียมฝีมือคนรุ่นเก่าก็เป็นได้”“สิรานิกุล”‘‘แจ๋วริมจอ’’jaewrimjor@gmail.comอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่