ในจำนวนพระพุทธรูปสำคัญ ระดับคู่บ้านคู่เมืองนั้น...พระสัมพุทธพรรณี ประดิษฐานอยู่วัดราชาธิวาส เรื่องราวของท่าน ลึกลับซับซ้อน ซ่อนนัย ที่คนไทยควรจะต้องรู้ไว้ อีกหลายประการหนังสือ พระพุทธรูปสำคัญ ในประเทศไทย เล่ม 1 (สำนักพิมพ์สารคดี พ.ศ.2545) ส.พลายน้อย เริ่มต้นว่า พระสัมพุทธพรรณี มีสององค์ องค์แรก สร้างในสมัย ร.4 ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามพระองค์ที่สองสร้างสมัย ร.5 ทรงสร้างจำลองพระสัมพุทธพรรณี ประดิษฐานที่วัดราชาธิวาส ซึ่งเป็นที่หล่อเดิมเพื่อทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถพระสัมพุทธพรรณี พระองค์แรก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ แต่ครั้งยังทรงผนวชเสด็จประทับอยู่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) โปรดให้ขุนอินทรพินิจ เจ้ากรมช่างหล่อ ปั้นหุ่นหล่อเมื่อปีขาล พ.ศ.2373นับเป็นพระพุทธรูปตามลักษณะแบบใหม่ สร้างตามแบบอย่างพุทธลักษณะซึ่งทรงสอบสวนได้ใหม่ กล่าวคือ ไม่มีพระเกตุมาลา และครองจีวรเป็นริ้ว เช่นเดียวกับการครองผ้าของพระธรรมยุติกนิกายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า อรุณวดี โปรดให้พิมพ์เรื่องการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระสัมพุทธพรรณี พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2466 มีความว่าเมื่อปีเถาะน้ำมาก ศักราช 1193 ได้ไปรับเจดีย์หล่อด้วยทองเหลืองมาจากวัดศาลาปูนองค์หนึ่ง แล้วรับสั่งให้ขุนอินทรพินิจ เอาเงินหล่อสรวมลง สูงประมาณศอกเศษ ที่ตำหนักเก่าวัดมหาธาตุครั้นฤดูแล้งเสด็จไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ พระสงฆ์ตามเสด็จไปด้วยหลายรูป ครั้นเวลาค่ำเสด็จขึ้นไปสวดมนต์บนลานพระ ครั้นสวดจบแล้ว จึงทรงอธิษฐานด้วยภาษามคธความว่าถ้าพระธาตุของพระผู้มีพระภาคย์ หากจะยังประดิษฐานเหลืออยู่ในโลก ก็คงจะมีอยู่ในที่เช่นนี้เป็นแน่ไม่สงสัย ถ้าในเจดีย์สถานนี้ มีพระธาตุบรรจุไว้ภายใน ขออารักษ์เทพยดาผู้รักษา จงได้แบ่งให้สักสององค์จะเอาไปบรรจุไว้ในพระพุทธรูปที่หล่อใหม่นั้นองค์หนึ่ง ในพระเจดีย์เงินองค์หนึ่ง ไว้เป็นที่ไหว้บูชาในกรุงเทพฯแล้วรับสั่งให้ เอาผอบใส่พานขึ้นไปตั้งไว้ในโพรงพระเจดีย์ด้านตะวันออก ครั้นเวลาบ่ายจะเสด็จกลับลงมา ไปเชิญเอาผอบลงมา ก็หาได้อะไรไม่ครั้นเสด็จกลับถึงวัดแล้ว ล่วงไปได้ประมาณสักเดือนเศษ พระเนาวรัตน์เก่าองค์หนึ่งซึ่งทรงค้างไว้เก่า ยังตกค้างอยู่ในหอวัดพระมหาธาตุ วันหนึ่งเวลาประมาณห้าทุ่มเศษ พระสงฆ์เข้าไปสวดมนต์อยู่ในนั้นสวดไปได้ครึ่งหนึ่ง เห็นควันกลุ้มขึ้น สีแดงกลิ่นหอมเหมือนควันธูป ขึ้นที่ห้องพระพุทธรูป ควันนั้นมีมากขึ้นๆ จนพระพุทธรูปนั้นดูแดงเป็นสีนากพระสงฆ์ทั้งปวงตกใจก็เข้าไปดู สำคัญว่าไฟไหม้ ก็หาเห็นอะไรไม่ครั้นเวลารุ่งขึ้น ไปกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ เสด็จลงมาทอดพระเนตร จึงเห็นพระธาตุที่บรรจุในพระพุทธรูปนั้นมากขึ้นกว่าเก่าสององค์สอบสวนแล้ว ไม่มีใครเอามาใส่ จึงลงความเห็นพร้อมกัน “ของนั้น ไม่มีเจ้าของ เห็นจะเสด็จมาเอง”แล้วแปลกกับของที่มีอยู่ องค์เล็กนั้นเท่าพันธุ์ผักกาด มีสีขาวเหมือนกับดอกพิกุลสดพระธาตุสองพระองค์นั้น เก็บไว้ในเจดีย์สุพรรณผลึก บรรจุไว้ในพระสัมพุทธพรรณีในสมัย ร.5 เมื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธปฏิมากร แก้วมรกตแล้ว ก็จะเสด็จเปลี่ยนพระรัศมีพระสัมพุทธพรรณี เป็นสีทองในฤดูร้อน สีน้ำเงินในฤดูฝน และสีแก้วขาวหรือนากในฤดูหนาวเรื่องราวพระสัมพุทธพรรณี ทำให้พวกเราได้รู้ว่า ต้นแบบพระพุทธรูปสมัย ร.4 ร.5 เช่นพระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธ...ที่งดงามจับใจ เหนือพระพุทธสมัยเก่าสมัยใหม่ด้วยกันนักหนา...เริ่มมาจากพระสัมพุทธพรรณีองค์นี้เอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม